เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะและสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ภายใต้แนวคิด “DRIVE TO A NEW xEV WORLD” บนเส้นทางกรุงเทพฯ – ชลบุรี พร้อมจัดเต็มกับสถานีทดสอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัยจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ โดยรถที่ใช้ทดสอบสมรรถนะคือรุ่น Ultra ซึ่งเป็นรุ่นที่มีสเปคสูงสุดของ All New HAVAL H6 Hybrid SUV
ราคาอย่างเป็นทางการ (28/6/2564)
Haval H6 Pro ราคา 1,149,000.-
Haval H6 Ultra ราคา 1,249,000.-
****** สำหรับออพชั่นที่ Haval H6 Pro ไม่มีเหมือน Haval H6 Ultra หรือขาดหายไป ก็คือ กระจังหน้ารุ่น Pro เป็นสีดำ ไม่มีไฟตัดหมอกหน้า ไม่มีหลังคา Panoramic Sunroof ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ภายในสีดำ หน้าจอกลางขนาด 10 นิ้ว กระจกมองข้างไม่พับอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ ไม่มีระบบ Head up display ไม่มีระบบฟอกอากาศ lonizer ไม่มีไวเลทชาร์จ ไม่มีปุ่มปรับเบาะผู้โดยสารด้านคนขับ ไม่มีระบบช่วยจอด 3 รูปแบบ ไม่มีระบบถอยหลังอัตโนมัติ 50 เมตร ไม่มีระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ไม่มีระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง ไม่มีระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง ไม่มีระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง ไม่มีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน เป็นต้น
VIDEO
เริ่มด้วยการรับฟังบรรยายข้อมูลตัวรถ All New HAVAL H6 Hybrid SUV หลังจากนั้นก็ออกเดินทางจาก โรงแรมอวานี สุขุมวิท กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าขึ้นทางด่วนบูรพาวิถีเพื่อเข้าสู่สะพานชลมารควิถี ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเต็มไปด้วยการจราจรที่หนาแน่น และสี่แยกไฟแดงหลายจุด เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบระบบต่างๆ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ (TJA) ที่ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ และจะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย พร้อมระบบช่วยหยุดรถยนต์และออกตัว (stop-and-go) เพิ่มความสะดวกสบายในการขับรถสำหรับย่านที่มีการจราจรพลุกพล่าน นอกจากนี้ สื่อมวลชนยังมีโอกาสได้ทดลองระบบการช่วยเหลือการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) รวมถึงระบบระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ต่างๆ ภายในรถ
All New HAVAL H6 Hybrid SUV มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม GWM LEMON ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะที่ผ่านการทดสอบบนถนนมากกว่า 6 ล้านกิโลเมตร และมีการทดสอบในสภาวะแวดล้อมที่สุดขั้วถึง 76 แบบ ด้วยน้ำหนักที่เบากว่าจะทำให้รู้สึกถึงประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น All New HAVAL H6 Hybrid SUV ใช้เพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT รองรับการขับขี่ตามความต้องการ ช่วยประหยัดน้ำมัน คลายความกังวลด้วยระบบเกียร์ไฮบริดรุ่นแรกที่มี 2 ระบบเกียร์ (1 ระบบเกียร์ที่ด้านเครื่องยนต์และอีก 1 ระบบเกียร์ที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน) เพื่อรองรับการขับเคลื่อนที่หลากหลาย ซึ่งระบบส่งกำลังไฮบริดแบบหลายโหมด ประกอบไปด้วยโหมดการขับขี่ 4 แบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน/ โหมดสปอร์ต/ โหมดประหยัด/ โหมดสภาพถนนลื่น เพื่อตอบสนองการขับขี่ในสภาพถนนที่แตกต่างกัน ช่วยให้ผู้ขับสามารถเลือกประสบการณ์การขับขี่ได้ตามความต้องการและเหมาะสมกับการเดินทางโดยมีประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดและกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
VIDEO
นอกจากนี้ เมื่อเข้าสู่ช่วงสะพานชลมารควิถี สื่อมวลชนสามารถเพลิดเพลินไปกับการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดด้วยฟังก์ชั่นอัจฉริยะ ทั้งการโต้ตอบด้วยเสียงอัจฉริยะผ่าน AI หรือเชื่อมต่อความบันเทิงไปพร้อมกับอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับการนำทางและจุดหมายปลายทาง ต่อด้วยการเดินทางเข้าสู่สนามบินหนองค้อ เพื่อทดสอบสมรรถนะการขับขี่และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ เพิ่มเติม โดยคณะสื่อมวลชนจะพบกับ TEST DRIVE TRACK ทั้ง 5 สถานี ได้แก่
1. สถานีทดสอบอัตราการเร่ง 0 – 100 กม./ชม. และการเข้าโค้งอัจฉริยะ (Torque (0-100 km/hr) and Intelligent Cornering) การพิสูจน์สมรรถนะและความแรงของรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 243 แรงม้า และแรงบิด 530 นิวตัน-เมตร และทดสอบการเข้าโค้งของรถเมื่อขับผ่านทางโค้ง โดยกล้องจะทำการตรวจสอบโค้งถนน เพื่อให้ความเร็วถูกปรับอัตโนมัติให้เหมาะสมสำหรับการเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย เมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
2. สถานีทดสอบระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA : Auto Reversing Assistance) ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการทดสอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ HAVAL H6 Hybrid SUV โดยรถยนต์จะสามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่านด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ได้สูงสุด 50 เมตร และสามารถถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางได้อย่างราบรื่น
3. สถานีทดสอบระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP Integration Auto Parking) ด้วยกล้อง 360 องศา และเซนเซอร์อัลตร้าโซนิค ช่วยให้ All New HAVAL H6 Hybrid SUV สามารถค้นหาที่จอดรถ คำนวณพื้นที่สำหรับจอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบการถอยเข้าช่องจอด การจอดขนานเส้นทางเดินรถ และการจอดตามแนวเฉียง
4. สถานีทดสอบระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA+RCTB Rear Cross Traffic Alert and Rear Cross Traffic Breaking) ระบบจะช่วยทำการแจ้งเตือนในขณะที่ถอยรถ โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ที่เข้าใกล้บริเวณด้านหลังรถ และด้านซ้าย-ขวา และเมื่อตรวจพบความผิดปรกติระบบจะทำการส่งสัญญาณเตือนและเบรคให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชน
5. สถานีทดสอบระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC : Adaptive Cruise Control) ทดสอบการใช้งานกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Q4 ของโมบายอาย (EYEQ4) ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดตามที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
All New HAVAL H6 Hybrid SUV นับเป็นรถเอสยูวีที่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบรถในคลาสเดียวกัน ด้วยมิติของตัวรถขนาดกว้างและยาว 1,886 x 4,653 มม. ความสูง 1,724 มม. มีระยะฐานล้อ 2.738 มม. และขนาดล้อ 19 นิ้ว โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สร้างสุนทรียภาพแห่งอนาคตของโลกตะวันออก โดยใช้เส้นโค้งและลายเส้นที่เรียบง่าย ประณีต ให้ความรู้สึกพรีเมียม ล้ำยุค การตกแต่งภายในให้อารมณ์สปอร์ต ล้ำสมัยด้วยหน้าจอทัชสกรีนอัจฉริยะ Intelligent Multimedia Touchscreen ขนาด 12 นิ้ว และมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงการขับขี่ Multi Information Display ขนาด 10 นิ้ว แสดงผลแบบ HUD พร้อมข้อมูลการขับขี่ที่ครบครัน พวงมาลัยไฟฟ้า Multi-Function ที่มาพร้อม Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่
All New HAVAL H6 Hybrid SUV ยังมาพร้อมกับ LIFE+ (LIFE PLUS) ระบบอัจฉริยะที่ตอบสนองความต้องการในทุกเส้นทางการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น • L: การขับขี่อัตโนมัติระดับ L2, • I: ระบบอัจฉริยะ Intelligence V3.5 รองรับคำสั่งงานด้วยเสียง, • F: FOTA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถอัพเกรดซอฟต์แวร์ผ่านทคโนโลยีการอัปเกรดระยะไกล, • E: ชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Q4 ของโมบายอาย (EYEQ4) และ • + (Plus ): ที่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่จะช่วยอำนวยความสะดวก พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่อย่างเต็มที่
เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะประกาศราคารถ All New HAVAL H6 Hybrid SUV แบบ “ONE PRICE” อย่างเป็นทางการวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะมาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty & Roadside Assist) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กม. และการรับประกันแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดระยะทางนานถึง 8 ปีเต็ม