บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ 2505 โดยปัจจุบันนับเป็นปีที่ 55 ที่โตโยต้าเติบโตเคียงคู่สังคมไทย ซึ่งดำเนินธุกิจภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนความสุข” หรือ “Mobility of Happiness” โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรอยยิ้มและส่งความสุขให้กับคนไทย ผ่านนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ ด้านการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อเป็นการตอบแทนสังคมไทยที่ได้ร่วมทางตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
คลิกชมคลิป VDO ภายในงาน Toyota Expo
คลิกที่นี่...
และในโอกาสครบรอบ 55 ปีนี้ บริษัทฯ ได้จัดแสดงนิทรรศการนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคตของโตโยต้า ”โตโยต้า เอ็กซ์โป” ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของโตโยต้ากับประเทศไทยตลอด 55 ปี รวมถึงการแสดงเทคโนโลยีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตในอนาคต ภายใต้แนวคิด “The Future is Here”
มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “เรามีความตั้งใจจริงที่จะจัดแสดงเทคโนโลยีอันก้าวหน้าล้ำสมัย ซึ่งจะผสานทั้งนวัตกรรมที่เหนือระดับและเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความพยายามที่จะเชื่อมโยงวิถีชีวิตของมนุษย์กับเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน อันจะนำมาสู่สังคมแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน
จากปรัชญาการดำเนินธุรกิจของโตโยต้าที่ว่า “เราจะเติบโตไปพร้อมกับสังคมที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ” ทุกวันนี้เรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงมากมายรอบด้าน โตโยต้าจึงพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในอนาคตด้วยการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อม ซึ่งภายในงานเราเปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้าเยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์แห่งเทคโนโลยีที่เหนือระดับ ตลอดจนระบบโครงสร้างในสังคมและวิถีชีวิตแห่งโลกอนาคตรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์การแก้ปัญหาที่สังคมเผชิญอยู่ อันแสดงให้เห็นว่าโตโยต้ามุ่งมั่นที่จะมอบความสุขสู่สังคมไทย”
ภายในงานแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่
โซนที่ 1 : สังคมแห่งความยั่งยืน (Sustainable Society)
นำเสนอประวัติการดำเนินธุรกิจ รวมถึงหลักการสำคัญที่เป็นรากฐานทางธุรกิจของโตโยต้า ตลอดระยะเวลา 55 ปีที่ผ่านมา อาทิ
1. ปรัชญาของโตโยต้า (Toyota Philosophy)
2. ระบบการผลิตระบบโตโยต้าและโครงการโตโยต้าชุมชนพัฒน์ (Toyota Production System & Toyota Social Innovation)
3. โรงงานแห่งความยั่งยืนและโครงการโตโยต้าเมืองสีเขียว (Sustainable Plant & Toyota Green Town)
4. โครงการถนนสีขาวและโครงการสาทรโมเดล (Toyota White Road & Sathorn Model)
โซนที่ 2 : ขับเคลื่อนความสุขสู่โลกอนาคต (Mobility of Happiness)
1. นำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ของโตโยต้า ผ่านเทคโนโลยีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในแต่ละยุคสมัย ตั้งแต่ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้พลังงานจากฟอสซิล สู่เครื่องยนต์ระบบไฮบริดที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ต่อเนื่องไปสู่เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงสุดที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอันล้ำสมัย เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปปลอดภัย มั่นใจ ลดโอกาส และความสูญเสียในการเกิดอุบัติเหตุทางจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. นำเสนอระบบการเดินทางทางเลือก (New Mobility Service in Thailand) เพื่ออำนวยความสะดวก และเพิ่มช่องทางการเดินทางในระยะสั้น ผ่านระบบ “Ha:mo”(Harmonious Mobility Network) และแอพพลิเคชั่นค้นหาที่จอดรถ “Park & Go” เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต และลักษณะการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมเมือง โดยจะเริ่มทดลองใช้ครั้งแรกในประเทศไทยภายในปีนี้ รวมถึงความล้ำสมัยในการเชื่อมโยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รอบตัว (Telematics) เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน
โซนที่ 3 : นวัตกรรมการบริการล้ำสมัย (Future Showroom & Service)
นำเสนอรูปแบบการให้บริการแบบล้ำสมัย ซึ่งประกอบไปด้วยนวัตกรรมการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการให้บริการของพนักงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงระบบการให้บริการหลังการขายแบบครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการแบบพิเศษเหนือความคาดหมาย
เตรียมพบกับ Toyota Expo ในระดับภูมิภาค
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
2 – 10 กันยายน ณ เซ็นทรัลพลาซ่า จ.ขอนแก่น
ภาคเหนือ
14 – 21 กันยายน ณ เซ็นทรัลพลาซ่า แอร์พอร์ต จ. เชียงใหม่
ภาคใต้
30 กันยายน – 8 ตุลาคม ณ เซ็นทรัลเฟสติวัลหาดใหญ่ จ. สงขลา
“ผมขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อลูกค้าของเราทุกท่านที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของโตโยต้า ตลอดจนขอขอบคุณภาครัฐที่ได้ให้การสนับสนุนบริษัทเป็นอย่างดี ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และทำให้เรามายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้ในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นผมขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนร่วมผลักดันให้โตโยต้าประสบความสำเร็จในประเทศไทย ผมหวังว่าทุกท่านจะร่วมยินดีและเห็นความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนความสุขให้สังคมไทยไปด้วยกันในงานนี้ เราขอให้คำมั่นว่าเราจะมุ่งหน้าสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้สังคม พร้อมทั้งขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและความยั่งยืนให้ประเทศไทยต่อไป” มร.ซึงาตะ กล่าวในที่สุด