บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย นำจิตวิญญาณแห่งความคลาสสิกที่ข้ามผ่านกาลเวลานับทศทวรรษมาให้ไบค์เกอร์ชาวไทยได้สัมผัสกันอีกครั้ง กับบีเอ็มดับเบิลยู R nineT ใหม่ถึงสี่รุ่น โดยหลังจากการเปิดตัวรุ่นแรกไปเมื่อปี 2556 บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ก็กลายเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เป็นตัวแทนของเอกลักษณ์อันคลาสสิก สอดประสานเทคโนโลยีทันสมัยและการออกแบบที่ละเอียดประณีต แต่ยังเปิดพื้นที่ให้ไบค์เกอร์สร้างความเฉพาะตัวด้วยการแต่งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ซึ่งมอเตอร์ไซค์ในตระกูล R nineT ล้วนสื่อถึงจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S ที่เผยโฉมในปี 2523 สานต่อตำนานเอ็นดูโร่จาก R 80 G/S บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Scrambler ที่มาพร้อมแก่นแท้แห่งความเรียบง่ายสไตล์คลาสสิก และบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure มอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์ในดีไซน์แบบเปลือย
สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู R nineT รุ่นใหม่ ได้รับการยกระดับอย่างรอบด้าน ทั้งสมรรถนะ อุปกรณ์มาตรฐาน และตัวเลือกอุปกรณ์เสริมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากรุ่นก่อนหน้า โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศ/น้ำมันที่ได้มาตรฐาน EU5 สร้างแรงบิดได้ทรงพลังกว่าที่เคย แต่ลดการปล่อยมลพิษยิ่งกว่า มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ Pro ระบบเบรก ABS Pro ระบบ Dynamic Brake Control ระบบ Dynamic Traction Control ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) ระบบกันสะเทือนใหม่แบบ WAD ที่ทั้งคล่องตัวและนุ่มนวลยิ่งกว่าขณะขับขี่ และไฟ LED ครบชุด
มร. มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู R nineT กลายเป็นหนึ่งในมอเตอร์ไซค์ที่โดดเด่นที่สุดบนท้องถนนประเทศไทย มีจุดกำเนิดที่สืบทอดมาจากมอเตอร์ไซค์คลาสสิกของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีฐานลูกค้าในเซกเมนต์นี้มากที่สุดในโลก นอกจากนี้ เอกลักษณ์ที่ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ครองใจแฟน ๆ ชาวไทยไม่เสื่อมคลาย คือดีไซน์ที่เปิดกว้างสำหรับการเสริมอุปกรณ์แต่งเฉพาะตัว ซึ่งเป็นปรัชญาการออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยู R nineT นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก และในไทยยังมี R nineT ที่ได้รับการสร้างสรรค์จากนักสะสมบิ๊กไบค์จนโด่งดังในระดับโลกมากมาย ความพิเศษของบีเอ็มดับเบิลยู R nineT ยังอยู่ที่การผสานกลิ่นอายความคลาสสิกเข้ากับความทันสมัยของเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว เพื่อมอบสมรรถนะที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยเหนือกว่าที่เคย”
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure ใหม่ ราคา 739,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Scrambler ใหม่ ราคา 799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S ใหม่ ราคา 799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ใหม่ ราคา 859,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Option 719 Night Black matt/ Aluminum mat ใหม่ ราคา 919,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Option 719 Mineral White metallic/ Aurum ใหม่ ราคา 919,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
มอเตอร์ไซค์ในตระกูล R nineT ใหม่ มาใน 4 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT, R nineT Pure, R nineT Scrambler และ R nineT Urban G/S โดยทั้ง 4 รุ่นล้วนขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ที่ได้รับการพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่สอดคล้องตามมาตรฐานมลพิษ EU-5 ส่งพละกำลังสูงสุด 80 กิโลวัตต์ (109 แรงม้า) ที่ 7,250 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 116 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที หัวฉีดแบบใหม่ทำงานเข้าจังหวะกับระบบระบายความร้อนยิ่งขึ้น วาล์วปีกผีเสื้อและฝาครอบหัวฉีดได้รับการออกแบบใหม่ ส่งผลให้มอเตอร์ไซค์ R nineT ใหม่ทั้ง 4 รุ่นลดการปล่อยมลพิษได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าขณะที่ยังส่งพลังแรงบิดได้มากกว่าที่ความเร็วรอบปานกลาง (ที่ 4,000-6,000 รอบต่อนาที) จึงตอบสนองได้อย่างฉับไวระหว่างขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ใหม่ทั้ง 4 รุ่นยังมาพร้อมระบบเบรก ABS Pro และระบบ Dynamic Brake Control หรือ DBC ที่เสริมความปลอดภัยยิ่งขึ้น แม้ขณะเบรกในสภาวะการขับขี่ที่ยากลำบาก และยังมาพร้อมระบบกันสะเทือนใหม่ที่สามารถปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ (WAD) ช่วยให้ทรงตัวได้มั่นคงและเพิ่มความสบายในการขับขี่ ปรับการตั้งค่าสปริงได้อย่างง่ายดายด้วยปุ่มหมุนที่เพิ่มเข้ามา
โหมดการขับขี่แบบ Pro ยังติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในทั้ง 4 รุ่น ประกอบด้วยโหมดการขับขี่มากรฐาน ได้แก่ Rain และ Road เพิ่มเติมด้วยโหมด Dyna สำหรับ R nineT และ R nineT Pure ส่วน R nineT Scrambler และ R nineT Urban G/S จะมาพร้อมโหมด Dirt โดยขณะขับขี่ด้วยโหมด Dyna หรือ Dirt ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสความสปอร์ตยิ่งขึ้น จากการตั้งค่าเครื่องยนต์ให้ตอบสนองความเร็วได้ฉับไวเต็มพิกัด ส่วนระบบ Dynamic Brake Control หรือ DBC และ ABS Pro จะทำงานขณะขับขี่บนถนนที่มีแรงเสียดทานสูง เสริมความปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อเร่งความเร็ว ในขณะที่ระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ ช่วยให้ควบคุมรถได้มั่นคงและแม่นยำยิ่งขึ้น
แบบฉบับความคลาสสิกของบีเอ็มดับเบิลยู R nineT ใหม่ เติมเต็มด้วยดีไซน์ที่ผสานความล้ำสมัยของยุคปัจจุบัน อย่างมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อกทรงกลมในโคมโลหะคุณภาพสูง ฝังเอกลักษณ์โลโก้บีเอ็มดับเบิลยู ไฟเลี้ยวที่ออกแบบกลมกลืนไปกับตัวรถ ก่อนจะเด่นชัดขึ้นมาเฉพาะเวลาเปิดไฟเท่านั้น ไฟหน้า LED มาพร้อมไฟส่องสว่างตอนกลางวันและไฟเลี้ยวสีขาว เสริมความทันสมัยด้วยช่องเสียบสายชาร์จ USB
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ใหม่ ทุกรุ่น ยังมีความโดดเด่นเฉพาะตัวด้วยรูปโฉมที่ออกแบบมาเพื่อบ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้ขับขี่แต่ละคน ได้แก่
• บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ใหม่ เป็นการสานต่อตำนานของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มาพร้อมกับสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมการขับขี่ที่คล่องแคล่วและเสียงคำรามลึกในสไตล์เครื่องยนต์บ็อกเซอร์
• บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure ใหม่ ดีไซน์ทรงเสน่ห์ไม่ซ้ำใคร มาในสีใหม่ Teal Blue metallic matt พร้อมถังน้ำมันในสี Mineral grey metallic
• สำหรับการขับขี่ในเมือง บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Scrambler ใหม่ สะกดทุกสายตาด้วยสี Kalamata metallic matt finish สอดรับกับล้อซี่ลวดสีทองและยางล้อออฟโรด
• จิตวิญญาณความสปอร์ตหวนกลับคืนมาอีกครั้งกับบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S ใหม่ ในสีขาวตัดลวดลายสีน้ำเงิน สื่อถึงอัตลักษณ์ดีไซน์มอเตอร์สปอร์ต เติมเต็มความโฉบเฉี่ยวด้วยล้อซี่ลวดสีทองและยางออฟโรด
• บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Option 719 ใหม่ ถือเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นท็อปในตระกูล R nineT ที่เผยตัวตนของผู้ขับขี่ด้วยชุดแต่ง Option 719 ผสานตัวถังในสีสุดพิเศษ Option 719 Night Black matt/Aluminium matt และ Option 719 Mineral White metallic/Aurum พร้อมอุปกรณ์แต่งในแบบฉบับ Option 719 ได้แก่ ถังน้ำมันอะลูมิเนียมแบบเปลือย ในดีไซน์แบบพ่นสี/ขัดเงา
ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bmw-motorrad.co.th หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั่วประเทศ