หลังจากพิธีปล่อยตัวคาราวานทริปคาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่...บทพิสูจน์จริงระดับโลก อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่าน ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ก็เข้าสู่การเริ่มต้นของการเดินทางที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ บนเส้นทางสายไหม กว่า 19,250 กิโลเมตร ผ่าน 17 ประเทศ





17 ประเทศ ที่คาราวาน ไฮลักซ์ รีโว่ จะเดินทางผ่าน ซึ่งบางที่อาจจะไม่ได้แวะกันแบบจัดเต็มนัก โดยเริ่มเดินทางกรุงเทพฯ ประเทศไทย  -  ลาว - จีน - คีร์กีซสถาน - อุซเบกิสถาน - เติร์กเมนิสถาน -  อิหร่าน - ตุรกี -  บัลแกเรีย - โรมาเนีย - ฮังการี - สโลวาเกีย (ผ่าน) – ออสเตรีย - สาธารณรัฐเช็ก (ผ่าน) - สวิตเซอร์แลนด์ - เยอรมนี (ผ่าน) - อิตาลี








ขบวนคาราวานจะมีรถ Toyota Hilux Revo 9 คัน รวมรถโมบาย เซอร์วิส และรถ Toyota Fortuner ของทีมงานทรานเอเชียรูต รวมรถทั้งสิ้น 10 คันในการเดินทางครั้งนี้

สำหรับ Toyota Hilux Revo ในขบวนคาราวานนั้น มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และ 2.8 ลิตร ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและรุ่นพรีรันเนอร์ ขับสองยกสูง ทั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา สภาพตัวรถเดิมๆจากโรงงาน  โดยทุกคันจะติดตั้งวิทยุสื่อสารสำหรับการติดต่อพูอคุยในการเดินทาง และที่ด้านท้ายกระบะจะมีฝาปิดท้ายกระบะสำหรับขนสัมภาระในการเดินทางอีกด้วย

นอกจากความสบายใจในการเดินทางกับรถโมบาย เซอร์วิส และทีมช่างจากโตโยต้า ประเทศไทย ที่จะคอยดูแลตรวจเช็กรถให้ตลอดการเดินทางแล้ว ในรถ Toyota Hilux Revo เบอร์ 01 ซึ่งเป็นรถนำขบวนคาราวานยังได้ปรับแต่งเป็นรถเสบียงที่จะมีทั้ง ชา กาแฟ น้ำร้อน น้ำเย็น รวมถึงของกินเล่นต่างๆไว้คอยบริการในจุดแวะพักตามเส้นทางต่างๆ

Day 1 : กรุงเทพฯ - เชียงของ

วันแรกของการเดินทางนี้ ออกจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าเชียงของ ระยะทาง 900 กิโลเมตร โดยทีมงาน Auto-Thailand ได้รถ Toyota Hilux Revo เบอร์ 05 รุ่น 2.8L smartcab 4x4 เกียร์ธรรมดาเป็นรถที่ใช้เดินทางตลอดทริปคาราวานนี้  โดยวิ่งไปตามเส้นทางกรุงเทพ นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก พะเยา ดอกคำใต้ และจบที่เชียงของ การเดินทางเป็นไปอย่างราบลื่น มีอุปสรรคเล็กน้อยจากถนนที่ลื่นจากฝนที่ตกลงมา และความคดเคี้ยวของถนนช่วงภาคเหนือของไทย แต่ด้วยสมรรถนะของไฮลักซ์ รีโว่ที่เกาะถนน รวมถึงพละกำลังที่มีอย่างเพียงพอกับการขับขี่ สำหรับความเร็วยืนพื้นอยู่ที่ 120 กม./ชม. จะมีบางที่ช่วงเร่งแซงตามขบวนก็สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ทันใจ







และในบางช่วงของเส้นทางจะต้องชลอความเร็วเพื่อให้ทีม production ถ่ายทำรายการเก็บภาพบรรยากาศในการเดินทาง โดยวันนี้ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นรวม 15 ชม. ถึงที่พักโรงแรมเชียงของ ทีค การ์เด้น

Day 2 : เชียงของ - ลาว - สิบสองปันนา

เส้นทางจากเชียงของ มุ่งหน้าสู่สิบสองปันนา ทางทีมงานแจ้งว่าวันนี้คาราวานเราจะได้วิ่งผ่านเขตแดนกว่า 3 ประเทศ เรียกว่า กินข่าวเช้าฝั่งไทย มื้อเที่ยงในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ส่วนมื้อเย็นนั้นที่สิบสองปันนา ประเทศจีน ระยะทางรวมกว่า 420 กม.

โดยตลอดเส้นทางเรียกว่าต้องปรับตัวเล็กน้อย จากการขับขี่ที่ต้องขับชิดขวาใช้การแซงซ้าย ตรงกันข้ามกับบ้านเรา และทางทีมงานแนะนำว่าทุกครั้งที่จะแซงหรือมีคนอยู่ข้างถนนจะต้องใช้แตรไว้ก่อน แต่เท่าที่สังเกตเขาจะไม่คอยสนใจเสียงแตรเท่าไร ทำให้พวกเราต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น



















การเดินทางวันนี้ต้องผ่านสภาพถนนที่หลากหลาย โดยช่วงแรกหลังจากผ่านด่านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเข้ามาที่เมืองห้วยทราย สภาพถนนส่วนใหญ่เป็นทางโค้งที่ค่อนข้างขรุขระ จากนั้นเข้าสู่เส้นทาง R3A คุนหมิง เพื่อมุ่งหน้าไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนต้องผ่านเส้นที่เป็นหุบเขา ต้องขึ้นลงเนินตลอดเวลา แต่ด้วยสมรรถนะช่วงล่างของไฮลักซ์ รีโว่ ทำให้คาราวานผ่านมาได้อย่างไร้ปัญหา

มาถึงจุดตรวจสภาพรถที่เมืองเหม่งหล้า สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสมรรถนะและความพร้อมของรถยนต์ทุกจุด หากรถคันใดไม่ผ่าน จะไม่สามารถขับเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ ซึ่งไฮลักซ์ รีโว่ ก็สามารถผ่านมาได้ทุกคัน หลังจากนั้นจึงเดินทางต่อไปสู่เมืองสิบสองปันนา รวมใช้เวลากว่า 12 ชม. และเข้าพักที่โรงแรม Hua fa ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง

Day 3 : สิบสองปันนา - ตงชวน

ออกเดินทางกันต่อ โดยเป้าหมายวันนี้มุ่งหน้าสู่เมืองตงชวน (Dongchuan) ระยะทาง 700 กิโลเมตร เส้นทางช่วงนี้จะเป็นถนนไฮเวย์สองถึงสี่เลน ถนนดีตลอดเส้นทาง คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ สามารถวิ่งทำความเร็วได้ในบ้างช่วง สภาพเส้นทางผ่านเขา ให้บรรยากาศชุ่มชื่นตลอดทาง ระหว่างเส้นทางในจีนจะมีการเจาะภูเขาเป็นอุโมงค์ให้รถวิ่งผ่าน ทำให้สะดวกกับการเดินทางที่ไม่ต้องวิ่งอ้อมภูเขา

เส้นทางวิ่งบางช่วงมีรถวิ่งกันพอสมควร บางครั้งต้องมีการชะลอ เนื่องจากรถจีนจะชะลอลดความเร็วกันบ่อย บริเวณที่มีกล้องตรวจจับความเร็ว ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในการขับตามรถท้องถิ่น ระหว่างการเดินทางก็จะมีแวะพักเพื่อเติมน้ำมัน รวมถึงลงมายืดเส้นยืดสายกันบาง โดยน้ำมันดีเซลที่นี่ราคาลิตรละ 5.7 หยวน ซึ่งปั้มน้ำมันจะมีให้บริการตลอดเส้นทาง แต่ในเรื่องของห้องน้ำนั้นยังคงต้องทำใจในความสะอาดที่ยากจะเจอ





















หลังแวะพักกินมื้อเที่ยงก็ออกเดินทางต่อ ซึ่งก็ยังคงใช้ทางด่วนเป็นทางหลัก ตรงนี้อยากบอกว่า ทางด่วนในจีนนั้น สภาพเส้นทางดี รถไม่เยอะ สามารถทำความเร็วได้ ป้ายบอกทางชัดเจน และมีระยะทางยาวมากๆ คาราวานเราเดินทางต่อกับระยะทางที่เหลือกว่า 500 กม.

โดยบ้างช่วงเส้นทางเป็นแบบสองเลนสวนบนทางเขาเวลาแซง คันนำจะมีการแจ้งผ่านวิทยุ แล้วจึงมีการเร่งเครื่องกันเป็นระยะ มีการแซงเมื่อจำเป็น เพราะทางก็แคบ เราจึงต้องเร่งแซงรถบรรทุกที่วิ่งช้าเพื่อทำเวลากัน จนมาถึงจุดหมายที่เมืองตงชวน ( Dongchuan )

Day 4 : ตงชวน - ยีบิน

เมืองตงชวน ( Dongchuan ) มุ่งหน้าเมืองเฉินตู ออกเดินทางเพื่อไปแวะจุดชมวิว Red land หรือ ผืนดินสีแดง ซึ่งอยู่ห่างจากเขตตัวเมืองไม่ไกล พวกเราต้องขับรถขึ้นไปบนยอดเขาที่จุดชมวิวบนความสูงกว่า 1,900 เมตร ทางขึ้นเป็นลูกรังบ้าง คอนกรีตบ้าง เป็นเลนสวนค่อนข้างแคบ ทางขึ้นมีโค้งตลอดทาง แต่รถก็ผ่านไปได้ด้วยดี 

จนในที่สุดเราก็มาถึงยอด Red land จอดรถเก็บบรรยากาศกันอย่างเต็มที่ พื้นที่โดยรอบเป็นการทำไร่กันบนยอดเขาและลดหลั่นกันลงไป วิวด้านบนจะสวยที่สุด มีทั้งทุ่งสีเขียว เหลืองทอง และสีแดง สลับซ้อนกันไปอย่างสวยงาม

ชื่นชมกับความสวยงามเสร็จ คาราวานเรามีระยะเดินทางอีกกว่า 700 กม. แต่ถึงเวลามื้อเที่ยงแล้วจึงแวะกินมื้อกลางวันกันก่อน โดยร้านนี้มีบ่อเลี้ยงปลาแซลมอนอยู่ด้านหลังด้วย หลังจากนั้นจึงออกเดินทางต่อผ่านชุมชนท้องถิ่นที่ถนนแคบมาก ชาวบ้านเดิน มีรถสวน จากนั้นเส้นทางจะเป็นลูกรัง ขรุขระ หลุมบ่อ เยอะมาก ก่อนจะเข้าทางปกติ ซึ่งระบบช่วงล่างของไฮลักซ์ รีโว่ ที่มีน้ำหนักบรรทุกสัมภาระเต็มกระบะท้าย ทำให้ความรู้สึกนุ่มกว่า และไม่กระด้างมากนัก























เดินทางต่อด้วยทางด่วนมุ่งหน้าสู่เมืองเฉิงตู ขับไปตามทางเรื่อยๆ มีแวะเข้าห้องน้ำบ้างเป็นระยะๆ สักพักก็มีรถติดยาวตรงบริเวณปั้มระหว่างทางจะไปเฉิงตู จนพบว่าข้างหน้ามีหินถล่ม ตำรวจเลยกั้นปิดทางเอาไว้ รถติดกันหลายสิบคันผ่านไปกว่าชั่วโมงจึงไปต่อได้

เราวิ่งกันตามเส้นทางผ่านเมืองเต้าถงมาเรื่อยๆ ด้วยเวลาที่ล่าช้ามาพอสมควร คาราวานจึงแวะกินข้าวมื้อเย็นกันก่อนเพื่อจะได้ไม่หิว เพราะหนทางอีกยาวไกล โชคร้ายยังไม่หมดเพราะเส้นทางที่เราจะไปมีการปิดถนนอีกทำให้ต้องอ้อมไปอีกทาง และจะใช้เวลาเดินทางนานขึ้นอีก 2 ชั่วโมง จากเดิมจะต้องวิ่ง 200 กม. เป็น 400 กม. กันเลยทีเดียว

หลังจากออกเดินทางต่อได้ไม่นาน ก็เจอฝนและลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก รวมถึงบางช่วงมีต้นไม้ล้มขวางทาง คาราวานจึงต้องลดความเร็วเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทางทุกคน เพราะถนนค่อนข้างลื่น แต่ไฮลักซ์ รีโว่ก็ยังเอาอยู่

สุดท้ายด้วยเวลาที่ช้าไปมาก ทีมงานจึงต้องเปลี่ยนแผนย้ายไปนอนที่เมืองยีบินแทน ซึ่งเรียกว่าปรับแผนหาโรงแรมกันหน้างานเลย ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะยิงยาวต่อไปที่เฉิงตู แล้วไปนอนพักที่เทียนสุ่ย

Day 5 : ยีบิน - เทียนสุ่ย

ออกจากเมืองยีบิน มุ่งหน้าสู่เมืองเทียนสุ่ย มณฑลกานซู่ โดยวันนี้ นัดออกตัวกันสายกว่าปกตินิดหน่อย ประมาณ 9 โมงเช้า เนื่องจากเมื่อคืนมาถึงกันดึกมาก โดยวันนี้มีเป้าหมายการเดินทางอยู่ที่ 900 กิโลเมตร จากเมืองยีบินเพื่อไปให้ถึงเมืองเทียนสุ่ย















การเดินทางจากตัวเมืองยีบินขึ้นทางด่วนยีบิน-เกาซู่ เป็นถนนสี่เลน วิ่งผ่านวิวท่ามกลางหุบเขา สองข้างทางบรรยากาศสวยงามคล้าย ๆ กับเมื่อวานนี้ ทางส่วนมากเป็นทางตรง และต้องผ่านอุโมงค์ที่เจาะทะลุเขาอีกหลายแห่ง ทำให้สามารถทำเวลาและระยะทางได้มากขึ้น ในที่สุดก็เดินทางถึงเมืองเทียนสุ่ยกันแบบไม่ดึกนัก

Day 6 : เทียนสุ่ย - ซีหนิง

เมืองเทียนสุ่ย มุ่งสู่เมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ ระยะทางกว่า 540 กม. วิวสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนไป จากเขตเมืองสู่ขุนเขาและทุ่งหญ้าสีเขียว  จากนั้นไม่นานก็เริ่มเป็นทุ่งโล่ง ไปจนถึงภูเขาดินแห้งๆ มีต้นไม้แซมเป็นช่วงๆ ดูสวยแปลกตากว่าที่ผ่านมา

สภาพเส้นทางเป็นทางด่วน ผ่านอุโมงค์ที่เจาะทะลุเขา ทำให้การเดินทางขับขี่ด้วยความเร็วแบบสบายๆ ผ่านวิวสวยๆ มาสักพัก แล้วเราก็มาถึงเมืองซีหนิง ปลายทางของเราในวันนี้

เมืองซีหนิง ตั้งอยู่ในมณฑลชิงไห่  ชื่อย่อ ชิง ‘ชิงไห่’ แปลว่าทะเลสีเขียวซึ่งเป็น ชื่อทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุด ของจีนที่อยู่ในมณฑล มีเมืองหลวงชี่อ ซีหนิง ซึ่งก็คือเมืองที่พวกผมอยู่นี่เอง เนื้อที่ทั้ง 721,000 ก.ม. พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในส่วนของ หลังคาโลก ( ที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต ) อยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 1,650-6,860 เมตร พื้นที่เป็น เขาสูง ทะเลสาบ ทุ่งหญ้าและทะเลทราย















คาราวานมาถึงกันช่วงเย็นๆ เร็วกว่าทุกวัน ทำให้มีเวลาเดินชมเมือง โดยได้เยี่ยมชมสุเหร่าตงกวน (Dongguan Mosque)   มีชื่อเต็มว่า “ตงกวนชิงเจินต้าซื่อ” ตัวสุเหร่าก่อสร้างตามแบบศิลปกรรมของชาวหุย มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปี สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ศักราชหงอู่ ราวปี ค.ศ. 1380 มีพื้นที่ 1,102 ตารางเมตร เป็นหนึ่งในสี่สุเหร่าใหญ่ในเขตตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเลยนะครับ  และยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิม เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาอิสลามที่สำคัญของเมืองซีหนิง นอกจากนี้ยังเป็นสถาบันอบรมและสอนศาสนาอิสลามที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศอีกด้วย

Day 7 : ซีหนิง - จางเย่

ออกจากเมืองซีหนิง สู่เมืองจางเย่ โดยเส้นทางในช่วงนี้จะมีวิวข้างทางที่สวยงามกับสภาพเส้นทางสูงชัน คดเคี้ยวไปตามภูมิประเทศภูเขาที่เส้นทางต้องผ่านภูเขาลูกใหญ่ 2 แห่ง นอกจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตาแล้ว คาราวานยังต้องชลอจอดถ่ายทำรายการที่ใช้เวลาไปพอสมควร ทำให้เวลากับระยะทางที่เหลือดูจะต้องขับขี่ทำเวลาให้เร็วมากขึ้น และวันนี้เป็นวันหนึ่งที่ต้องขับขี่รถผ่านสภาพอากาศที่แตกต่างกันอย่างมาก




























โดยเริ่มเดินทางอุณหภูมิประมาณ 20 กว่าองศา ขับลัดเลาะขึ้นลงเขาไปจอดที่จุดชมวิวบนเขาอุณหภูมิลดลงเหลือแค่ 6-7 องศา แต่ด้วยความโดดเด่นของระบบแอร์ใน Toyota Hilux Revo ที่ตอนอากาศร้อนนั้นก็สามารถทำความเย็นได้อย่างรวดเร็วเย็นฉ่ำ และเมื่อเราอยู่ในสภาพอากศหนาวเย็นแบบนี้ก็สามารถใช้งานระบบฮีตเตอร์ช่วยปรับอุณหภูมิให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศและขับขี่ได้อย่างสบาย

Day 8 : จางเย่ - ตุนหวง

ออกเดินทางสู่เมืองตุนหวง โดยได้แวะเยี่ยมชมเมืองเจียยวี่กวน อันเป็นที่ตั้งของป้อมปราการด่านสุดท้ายของกำแพงเมืองจีนทางด้านทิศตะวันตก ในอีกมุมหนึ่งที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนที่ทอดจากทิศตะวันตก และเป็นจุดแรกที่เริ่มทำการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนในสมัยราชวงศ์หมิงหรือเมื่อราว ปี ค.ศ. 1368 ด่านเจียยวี่กวนจึงเหมือนเป็นเส้นทางเปิดออกสู่เส้นทางสายไหมที่นักเดินทางจะต้องผ่านเข้าออกกันในเวลานั้น ว่ากันว่าแนวกำแพงนี้เชื่อมต่อไปถึงกำแพงเมืองจีนที่ปักกิ่งเลยทีเดียว

หลังจากเที่ยวชมกำแพงเมืองจีน ขบวนคาราวานก็มุ่งหน้าสู่งเมืองตุนหวง กับระยะทาง 380 กม.พื้นที่เป็นกึ่งทะเลทรายแห้งแล้งวิวสวยแปลกตา  เส้นทางเป็นถนน 4 เลน ส่วนมากเป็นทางตรงยาวๆ สลับกับโค้งบ้าง ทำให้ได้ลองทั้งสมรรถนะของเครื่องยนต์ในด้านอัตราเร่ง รวมถึงระบบช่วงล่างที่ปรับเซตมาให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกเส้นทาง































สิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนเมืองนี้ก็คือ การไปชมบ่อน้ำรูปพระจันทร์เสี้ยวท่ามกลางทะเลทราย หรือสระน้ำวงพระจันทร์ คือบึงน้ำรูปทรงคล้ายพระจันทร์เสี้ยวตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายล้อมรอบ 360 องศา โดยทรายจำนวนมากจะพัดขึ้นด้านบนทำให้บึงแห่งนี้ไม่ถูกกลบทับ บริเวณบึงมีสถาปัตยกรรมจีนสร้างขึ้นมา น้ำในบึงนั้นใสสะอาดสะท้อนภาพทิวทัศน์โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน สำหรับสาเหตุที่น้ำในบึงไม่แห้งนั้นก็เพราะหน่วยราชการจะนำน้ำมาเติมเป็นระยะๆ นั่นเอง การขี่อูฐชมวิวก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมกัน

เมื่อได้เวลาอันสมควรก็ออกเดินทางกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน โดยวันนี้คณะสื่อมวลชนในกลุ่มที่ 2 ก็เดินทางมาถึง เพื่อมารอรับไม้ต่อที่จะร่วมสร้างประสบการณ์แห่งประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวานทริป…บทพิสูจน์จริงระดับโลก ต่อจากคณะเราที่ขับขี่เดินทางในช่วงที่ 1

Day 9 : เที่ยวชม ถ้ำโม่เกาคู

วันสุดท้ายของทีมงาน Auto-Thailand และคณะคาราวานกลุ่มที่ 1 เช็คเอ้าออกจากโรงแรมที่พักเพื่อเดินทางไปเที่ยวชม ถ้ำโม่เกาคู หรือ เชียนฝอต้ง (แปลว่าถ้ำพระพุทธรูปพันองค์) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1987 และได้รับการยกย่องเป็นแหล่งพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน เป็นสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์บนหน้าผาของเขาหมิงซาซาน ได้แกะสลักหน้าผาทางซีกตะวันออกของภูเขา มีความยาวถึง 1,600 เมตร อยู่ท่ามกลางทะเลทรายโกบี ห่างจากตัวเมืองตุนหวง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 25 กิโลเมตร ผาหินถูกเจาะเป็นถ้ำจำนวนทั้งสิ้น 492 ถ้ำ ภายในเป็นที่บรรจุพุทธประติมากรรมและภาพเขียนพุทธประวัติต่างๆ ในอดีตกาลและส่วนใหญ่ของถ้ำแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ทุกตารางนิ้วของผนังถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดและรูปสลักทางศาสนา ถ้ำแห่งนี้มีภาพผนังกินเนื้อที่กว่า 45,000 ตารางเมตร นักโบราณคดีตะวันตกขนานนามภาพผนังแห่งนี้ว่า “ห้องสมุดบนผนัง” ถ้ำโม่เกาคู ดำเนินการก่อสร้างนานนับพันปี ตั้งแต่ราชวงศ์ฉินถึงราชวงศ์หยวน รวม 10 ราชวงศ์ โดยยุคทองอยู่ในช่วงกลางสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันโมเกาคู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ห้ามพลาดในรายการเส้นทางสายไหม











หลังจากนั้นเดินทางไปสนามบิน เดินทางกลับประเทศไทย เป็นอันเสร็จภารกิจ





ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวานทริป…บทพิสูจน์จริงระดับโลก
ช่วงที่ 1 กรุงเทพ ถึง เมืองตุนหวง ประเทศจีน
โดยทีมงาน Auto-Thailand และคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 1