“มิชลิน” ร่วมมือกับผู้พัฒนาเกมชื่อดัง “เกมลอฟต์” ในการนำเสนอสมรรถนะที่เหนือกว่าของยางมิชลินในเกมแข่งรถชื่อดังสำหรับเล่นบนสมาร์ทโฟนอย่าง “Asphalt 8: Airborne” ผ่านทางไอเท็มพิเศษที่ชื่อว่า “Asphalt 8 Michelin Booster” ไอเท็มพิเศษนี้จะมีให้ใช้งานถึง 15 นาที ต่อเวลาทุกๆ 8 ชั่วโมง ระหว่าง 15 มี.ค. ถึง 15 ส.ค. 2561 นี้เท่านั้น และจะช่วยยกระดับสมรรถนะการขับขี่ให้กับรถแข่งทุกคันในเกม ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นเช่นเดียวกันกับที่พบได้ในยางมิชลินทุกเส้น ไม่ว่าจะเป็นด้านความเร็ว อัตราเร่ง การควบคุม และความเร็วไนโตรสูงสุด

“Asphalt 8: Airborne” เป็นเกมแข่งรถสำหรับเล่นบนสมาร์ทโฟนที่พัฒนาขึ้นโดยสตูดิโอ เกมลอฟต์ บาร์เซโลน่า และจัดจำหน่ายโดย เกมลอฟต์ ซึ่งถือเป็นเกมใหม่ล่าสุดในซีรีส์ Asphalt อันโด่งดัง ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ในเกมมีรถแข่งและมอเตอร์ไซค์ให้เลือกใช้ทั้งหมดถึง 208 คัน ซึ่งทุกคันล้วนแล้วแต่สร้างสรรค์ให้มีข้อมูลและสมรรถนะใกล้เคียงกับรถจริง ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ในเกมยังมีสนามแข่งในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกให้เลือกมากมาย อาทิ เนวาด้า หรือ พาตาโกเนีย โดยแต่ละเมืองก็มีหลายสนามแข่งให้เลือกย่อยลงไปอีก
“Asphalt 8: Airborne” ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเกมแข่งรถที่ดีที่สุดบนแพลทฟอร์มสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน และได้รับรางวัลมาแล้วมากมายนับจากวางจำหน่าย อาทิ 3 รางวัลจาก Pocket Gamer Awards; รางวัล Best Game for Smartphones/Tablets จาก Gamelab; รางวัล Best Mobile Game App จาก GSMA's 2015 Global Mobile Awards; และรางวัล Android Excellence, Fall 2017 ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดเกมนี้ไปเล่นแล้วมากกว่า 300 ล้านครั้งเมื่อรวมทุกช่องทางการจำหน่ายเข้าด้วยกัน

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสนำเสนอสมรรถนะที่เหนือกว่าของยางมิชลินในเกมแข่งรถชื่อดังของเกมลอฟต์” คุณเอกชัย คหการบำรุง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ B2C บริษัท สยามมิชลิน จำกัด กล่าว “ยาง Asphalt 8 Michelin Booster ที่เป็นไอเท็มพิเศษในเกมนี้นั้นได้รับการออกแบบมาให้ช่วยยกระดับสมรรถนะการขับขี่ของรถแข่งทุกคันในเกม ซึ่งเป็นคุณสมบัติเดียวกันกับที่ยางมิชลินสำหรับรถซูเปอร์คาร์และรถสปอร์ตทำได้ในชีวิตจริง สมรรถนะของรถที่เพิ่มขึ้นนั้นประกอบไปด้วย การควบคุมโดยรวม การยึดเกาะถนน การเลี้ยวโค้ง แรงเสียดทานกับพื้นถนน และอายุการใช้งาน เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคุณสมบัติที่นักแข่งล้วนต้องการเพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถดึงศักยภาพของรถออกมาได้อย่างเต็มที่”