บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด ขยายศักยภาพธุรกิจในเครือ ในนามบริษัทมาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอร์เรชั่น(ลาว) จำกัด รุกขยายลงทุนธุรกิจรถเช่าในสปป.ลาว ภายใต้แบรนด์”ซิกท์” พร้อมเร่งปักธงอีกหลายประเทศในอาเซียน ขานรับนโยบายซิกท์เอจี จากประเทศเยอรมัน ที่ใช้ไทยเป็นฐานธุรกิจในอาเซียน
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทมาสเตอร์กรุ๊ปคอร์ปอเรชั่น(เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย (MGC-Asia) เปิดเผยว่า "จากการที่บริษัทฯ ได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น 8 กลุ่มธุรกิจหลักในปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรถยนต์และเรือยอร์ชในประเทศไทยและในอาเซียน โดยได้วางรากฐานการเติบโตในธุรกิจอย่างครบวงจร ทั้งกลุ่มรถยนต์ใหม่รถยนต์มือสอง ธุรกิจรถเช่า ธุรกิจอาฟเตอร์มาร์เก็ต ธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ธุรกิจให้บริการสารสนเทศ ธุรกิจศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร และธุรกิจล่าสุดคือธุรกิจเรือสำราญในนามเอ็มจีซี-มารีน ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ในปีที่ผ่านมา เพื่อเสริมศักยภาพในการเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจสินค้าระดับลักชัวรี่เซ็กเมนต์ เพื่อให้การเติบโตของธุรกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น
โดยล่าสุดในปีนี้บริษัทได้ขยายการลงทุนสู่กลุ่มประเทศอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการนำธุรกิจรถเช่าภายใต้แบรนด์”ซิกท์”เข้าดำเนินธุรกิจที่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในนาม บริษัทมาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอร์เรชั่น(ลาว) จำกัด และเตรียมเปิดดำเนินอีกหลายประเทศในอีกหลายประเทศตามนโยบายของซิกท์เอจี ที่มอบหมายให้บริษัทเป็นผู้ดูแลการดำเนินธุรกิจของซิกท์ให้ครอบคลุม 7 ประเทศ ในอาเซียน ได้แก่ ประเทศไทย, พม่า, เวียดนาม, กัมพูชา, มาเลเซีย, สปป.ลาว และอินโดนีเซีย
"ในปีนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการขยายการลงทุนธุรกิจรถเช่า เนื่องจากเล็งเห็นว่า ในภูมิภาคอาเซียนมีศักยภาพในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของนักท่องเที่ยว รวมทั้งกลุ่มนักธุรกิจที่เข้าไปลงทุนอย่างมากมาย ทั้งนี้ จากการเปิดการค้าเสรีฯ ในอาเซียนเมื่อต้นปี 2016 ที่ผ่านมา ส่งผลให้อาเซียนเป็นที่จับตาของกลุ่มทุนมากขึ้น หลากหลายธุรกิจหลั่งใหลเข้ามาลงทุนในอาเซียน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจที่มีศักยภาพของ
บริษัทฯ ไปยังภูมิภาคอาเซียนได้เช่นกัน นั่นคือ การเข้าไปดำเนินธุรกิจรถเช่าภายใต้แบรนด์ ”ซิกท์” ซึ่งล่าสุดนั้นบริษัทได้ลงทุนขั้นต่ำกว่า 3 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อลงทุนด้านต่างๆ อาทิ ก่อสร้างอาคารที่ทำการ ณ กรุงเวียงจันทน์ เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวในอนาคต พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังได้รุกขยายการลงทุนของธุรกิจ ”ซิกท์” สู่ประเทศมาเลเซีย กว่า 6 สาขา เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน อีกทั้งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุนสู่ประเทศเวียดนาม “
ที่ผ่านมาสปป.ลาว มุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขึ้นมาใหม่ ซึ่งล่าสุดนั้นรัฐบาลสปป.ลาว ได้กำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศในระยะ 15 ปี โดยมีเป้าหมายให้เป็นประเทศที่พัฒนาระดับปานกลาง มีพัฒนาการเติบโตทางด้านการเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยมุ่งหวังว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ ช่วยให้มีการเพิ่มรายได้ต่อประชากรให้มากขึ้นเป็น 6,000 เหรียญสหรัฐต่อคนภายใน 30 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,500 เหรียญสหรัฐต่อคน ทั้งนี้ปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว เป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศจีน โดยมีการเข้ามาลงทุนตั้งแต่ปี 1988-2015 ประมาณ 746 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,455 ล้านเหรียญสหรัฐ
ด้านนายทวีวัฒน์ สุวรรณไตร ผู้จัดการทั่วไป บริษัทมาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอร์เรชั่น(ลาว) จำกัด กล่าวว่า สำหรับฟลีทรถที่ให้บริการใน สปป.ลาวเบื้องต้นนั้นมีปริมาณทั้งสิ้นราว 40 คัน แบ่งเป็นรถเช่าระยะสั้นภายใต้แบรนด์ ซิกท์ จำนวน 20 คัน เพื่อรองรับบริการที่เคาน์เตอร์ซิกท์ ในสนามบิน นานาชาติเวียงจันทน์ ส่วนที่เหลือนั้นสำหรับรองรับบริการในส่วนรถเช่าระยะยาว ซึ่งจากการเริ่มดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมานั้นปรากฎว่าผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจเนื่องจากสปป.ลาวมีนักท่องเที่ยวมาเยือนตลอดทั้งปี อีกทั้งมีกลุ่มนักธุรกิจจากประเทศไทยและอีกหลายประเทศเข้ามาลงทุนเป็นอันมาก ขณะเดียวกันสายการบินต่างๆ และ สายการบิน Low Cost ได้เปิดเส้นทางมายังนครเวียงจันทน์เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ส่งผลให้ธุรกิจรถเช่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้นโยบายของภาครัฐที่ สปป.ลาวก็เอื้อเป็นอย่างยิ่งต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจรถเช่าเป็นอันมาก
สำหรับภาพรวมกลุ่มธุรกิจรถเช่าภายใต้บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิ่ล รวมถึง ซิกท์ ประเทศไทยในช่วงปีที่ผ่านมานั้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยฟลีทรถกว่า 6,000 คัน ทั้งในส่วนรถเช่าระยะยาว (ฟลีท)โดยมีรายได้เติบโตขึ้น 10% โดยมีหน่ายงานภาครัฐและบริษัทเอกชนให้การยอมรับในมาตรฐานการให้บริการ ในส่วนรถเช่าระสั้น ภายใต้ซิกท์ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตกว่า 30 % ซึ่งเป็นผลมาจากการยอมรับของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่ให้การยอมรับในการให้บริการมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีสาขาให้บริการครอบคลุมในทุกสนามบินและหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศจำนวน 20 สาขาอีกทั้งอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเพิ่มสาขาในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ และที่สำคัญท่านสามารถจองรถเช่าในประเทศ สปป. ลาว และ ประเทศมาเลเซีย ได้ที่ แผนกรับจอง ซิกท์ ประเทศไทย เบอร์ 1798 หรือ www.sixtthailand.com