บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความสำเร็จในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ล่าสุด ฮอนด้า เอชอาร์-วี คว้ามาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวของ ASEAN NCAP (ASEAN New Car Assessment Program) จากการทดสอบการชนด้านหน้าแบบเยื้องศูนย์ โดยได้คะแนน 15.21 คะแนน จากคะแนนเต็ม 16 คะแนน ด้านความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ (Adult Occupant Protection: AOP) และได้คะแนน 73% ด้านความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เป็นเด็ก (Child Occupant Protection: COP) ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันวิจัยความปลอดภัยบนท้องถนนของมาเลเซีย (The Malaysian Institute of Road Safety Research : MIROS) กระทรวงคมนาคม ประเทศมาเลเซีย



นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  “บริษัทฯ มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่รถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์-วี ได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก ASEAN NCAP โดยรถยนต์ที่นำมาใช้ในการทดสอบครั้งนี้เป็นรุ่นที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งผู้ใหญ่และเด็ก และถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี ในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์สปอร์ตครอสโอเวอร์ระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

ด้วยกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าในประเทศไทยที่มีต่อ ฮอนด้า เอชอาร์-วี นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มียอดจองสะสมของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี แล้วกว่า 25,000 คัน ภายในระยะเวลา 8 เดือน ถือเป็นความสำเร็จในการเปิดตลาดใหม่ของรถยนต์ระดับคอมแพ็คท์เซ็กเมนต์ได้อย่างดีเยี่ยม ล่าสุด ฮอนด้า พร้อมนำเสนอ ฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่น E Limited ที่จะมาเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการให้ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีเพียง 3 รุ่น เป็น 4 รุ่น ด้วยราคา 1,005,000  บาท








ฮอนด้า เอชอาร์-วี มาพร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอันล้ำสมัยระดับพรีเมี่ยมที่ครบครัน อาทิ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold (Automatic Brake Hold) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) และระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมด้านคนขับอัจฉริยะ (i-SRS) ถุงลมด้านผู้โดยสารด้านหน้า (SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbags) ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) และจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานระดับสากลสำหรับการใช้เบาะที่นั่งเด็กในรถยนต์ 
 
จากสโลแกนของฮอนด้าทั่วโลกในด้านความปลอดภัยที่ว่า "Safety for Everyone" ฮอนด้าจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เปี่ยมไปด้วยความปลอดภัยสำหรับทุกคน เพื่อให้ลูกค้าฮอนด้าและผู้คนในสังคมได้ใช้ถนนที่ปลอดอุบัติเหตุร่วมกันอย่างมีความสุข โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา รถยนต์ฮอนด้าทั้ง 6 รุ่น ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จาก ASEAN NCAP  ตอกย้ำเจตนารมณ์ในการผลิตยานยนต์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

ลำดับ	รุ่น	ปีที่เข้ารับการทดสอบ
1	ฮอนด้า ซิตี้ (ปี 2555)	ธันวาคม 2555
2	ฮอนด้า ซีวิค	กรกฎาคม 2556
3	ฮอนด้า ซีอาร์-วี	กุมภาพันธ์ 2557
4	ฮอนด้า ซิตี้ (ปี 2557)	กรกฎาคม 2557
5	ฮอนด้า แจ๊ซ	กรกฎาคม 2557
6	ฮอนด้า เอชอาร์-วี	พฤษภาคม 2558

 

เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยในรถฮอนด้าเอชอาร์-วี
  



ระบบเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Auto Brake Hold 



ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
  


สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)  



ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง
  


จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor) 



จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)


ASEAN NCAP 

การทดสอบการชนเพื่อทดสอบสมรรถนะด้านความปลอดภัยของรถยนต์ของ ASEAN NCAP (ASEAN New Car Assessment Program) จัดขึ้นโดยสถาบันวิจัยความปลอดภัยบนท้องถนนของมาเลเซีย (The Malaysian Institute of Road Safety Research: MIROS) กระทรวงคมนาคม ประเทศมาเลเซีย โดยนับตั้งแต่ปี 2554 สถาบันวิจัยความปลอดภัยบนท้องถนนของมาเลเซีย ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับ Global NCAP ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในสหราชอาณาจักร เพื่อมุ่งส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัยบนท้องถนน กระตุ้นให้เกิดการรับรู้และเห็นถึงความสำคัญของการขับขี่ปลอดภัย รวมถึงสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประชาคมอาเซียน)

สำหรับการทดสอบสมรรถนะด้านความปลอดภัยของ ASEAN NCAP เป็นการทดสอบการชนด้านหน้า โดยรถยนต์ที่เข้าร่วมทดสอบจะพุ่งชนสิ่งกีดขวางซึ่งทำด้วยอลูมีเนียมที่ความเร็ว 64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในรถมีหุ่นทดสอบขนาดใหญ่ 2 ตัวนั่งอยู่ด้านหน้า และหุ่นทดสอบขนาดเล็กเพื่อจำลองเป็นเด็กอายุ 3 ปี และ 18 เดือน อย่างละ 1 ตัว นั่งอยู่ในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กทางด้านหลัง โดยทางหน่วยงานจะบันทึกผลการทดสอบด้วยระบบเซนเซอร์ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ตัวหุ่นทดสอบและรถยนต์ จากนั้นจึงเทียบผลที่ได้กับระดับความปลอดภัยของ NCAP