ค่ายอเมริกาเปิดตัวคูเป้รุ่นปรับโฉม โปรยเสน่ห์ด้วยหน้าตาคลาสสิกย้อนยุค ผสานกับเทคโนโลยีก้าวหน้า พลังดุดัน และสมรรถนะร้อนแรง New Dodge Challenger (ดอดจ์ ชาลเลนเจอร์) เป็นรุ่นปรับโฉมของเจเนอเรชั่นที่ 3 จำหน่ายเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2009 โดยมี Ford Mustang และ Chevrolet Camaro เป็นคู่แข่งสำคัญ ค่ายยานยนต์ในเครือไครสเลอร์ กรุ้ป คาดหวังไว้ว่าคูเป้โฉมคลาสสิกย้อนยุครุ่นนี้จะได้รับการต้อนรับจากแฟนคลับคึกคักเหมือนรุ่นปัจจุบัน ซึ่งทำยอดขายปีที่แล้วสูงเป็นสถิติใหม่เกือบ 430,000 คัน โดยค่ายอเมริกาเตรียมส่งรุ่นนี้ทำตลาดมากถึง 8 เวอร์ชั่น โฉมคลาสสิกยุคใหม่ โฉมภายนอกประยุกต์จากรุ่นคลาสสิกปี 1971 เสริมด้วยดีไซน์ใหม่ ได้แก่กระจังแยกเป็น 2 ส่วน ช่องดักอากาศบนกระโปรงหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้า LED สไตล์อาทิตย์ทรงกลด และไฟท้าย LED แยกส่วน ส่วนห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง ใช้ดีไซน์ประยุกต์จากรุ่นคลาสสิกปี 1971 เช่นเดียวกับโฉมภายนอก และยกระดับความหรูทันสมัยด้วยอุปกรณ์รวมทั้งชุดแต่งใหม่ ซึ่งมีทั้งชุดผ้าคุณภาพพรีเมียมและชุดหนัง เกจทรงกลมคล้ายหน้าปัดหมุนของโทรศัพท์ แทรกกลางด้วยจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว ขณะที่จอทัชสกรีนระบบมัลติมีเดียใช้รุ่น 8.4 นิ้ว พร้อมระบบ Uconnect Access เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน พลังดุสุดในคลาส ขุมพลังมี 3 รุ่น เป็นเครื่องเบนซินทั้งหมด และทุกรุ่นใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง โดยรุ่นเล็กใช้เครื่อง Pentastar V6 ขนาด 3.6 ลิตร 305 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ TorqueFlite 8 สปีด พร้อม แพดเดิลชิฟต์ที่พวงมาลัย โดยเป็นรุ่นแรกในคลาสที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด รุ่นกลางใช้เครื่อง Hemi V8 ขนาด 5.7 ลิตร 375 แรงม้า และแรงบิด 555 นิวตัน-เมตร (410 ปอนด์-ฟุต) เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และมีเกียร์อัตโนมัติ TorqueFlite 8 สปีด เป็นออพชั่น ส่วนรุ่นท็อปใช้เครื่อง Hemi V8 ขนาด 6.4 ลิตร เวอร์ชั่น Scat Pack ปั๊มกำลังได้ ดุสุดในคลาสที่ 485 แรงม้า และแรงบิด 643 นิวตัน-เมตร (475 ปอนด์-ฟุต) เกียร์ธรรมดา 6 สปีด และมีเกียร์อัตโนมัติ TorqueFlite 8 สปีด เป็นออพชั่น เวอร์ชั่น Scat Pack เร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.5 วินาที พิชิตควอเตอร์ไมล์ด้วยเวลาต่ำกว่า 12 วินาที และทะยานได้เต็มพิกัด 293 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วงล่างสปอร์ต กันสะเทือนสปอร์ต ได้รับการพัฒนาพร้อมลงประลองความเร็วในสนาม ขณะที่ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าใหม่ มีโหมดขับ 3 โหมด คือ Normal, Comfort และ Sport ระบบเบรก มีชุดประสิทธิภาพสูงของ Brembo รุ่นคาลิเปอร์ 4 สูบ เป็นออพชั่น ส่วนล้อ ใช้ล้ออะลูมิเนียมขนาด 18 นิ้ว ขณะที่เวอร์ชั่น Challenger R/T ใช้ล้ออะลูมิเนียม 20 นิ้ว พร้อมยาง 245-series ขายสหรัฐปลายปีนี้ ในส่วนของระบบความปลอดภัยมีมากกว่า 70 รายการ โดยมีระบบไฮเทคเพิ่มเข้ามาใหม่คือระบบ Adaptive Cruise Control ระบบ Forward Collision Warning เตือนเมื่อเสี่ยงการชนด้านหน้า และระบบ Blind-spot Monitoring and Rear Cross Path เตือนอันตรายจากมุมอับและรถทางตรงขณะถอยออกจากซอย ดอดจ์กำหนดจำหน่าย New Challenger ในสหรัฐ ภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ โดยจดทะเบียนเป็นรถรหัสปี 2015