ถ้าจะเอ่ยถึงรถในตระกูล Volkswagen หลายๆ คนก็คงจะคุ้นตากับรถคลาสสิกอย่างเจ้าเต่าทอง โฟล์คหัวแตงโม และที่ลืมไม่ได้ก็เจ้าโฟล์คกอล์ฟตัวเล็กเหลี่ยมในยุคก่อน มาถึงปัจจุบันชื่อเสียงของรถตระกูล Volkswagen ก็ยังได้รับการกล่าวขานอยู่เช่นเคย แต่หลายๆ คนอาจบอกว่ามันไกลเกินเอื้อมไปบาง เนื่องจากปัจจุบันส่วนใหญ่รถในตระกูล Volkswagen จะนำเข้าทั้งคัน จึงมีราคาค่าตัวที่ออกจะสูงไปนิด แต่อย่าลืมว่ามันแลกมาพร้อมภาพลักษณ์อีกระดับที่ไม่เหมือนใครเลยก็ว่าได้





และที่กล่าวมานี้ไม่ใช่อะไรครับ...มันเป็นจังหวะและโอกาสอันเหมาะเจาะที่ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสนำเอา The New Golf GTI รุ่น Highline ที่มีราคาค่าตัวกว่า 2,810,000 บาท มาทำการทดสอบ โดยรถที่ได้มานี้เป็นสีขาวซึ่งเป็นสีที่นิยมยอดฮิตในเวลานี้เลยทีเดียว

สำหรับ Volkswagen รุ่น Golf GTI ตัวใหม่นี้ ถือเป็นเจเนอเรชั่น 6 ที่ตอกย้ำตำนานความยิ่งใหญ่ของยานยนต์รุ่นนี้เมื่อครั้งอดีต ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ส่งผลทำให้ยานยนต์รุ่นดังกล่าวได้รับความนิยมและเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดอีกรุ่นหนึ่งในจำนวนหลายๆ รุ่นของ Volkswagen





เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของ The New Golf GTI ได้รับการออกแบบและพัฒนารูปลักษณ์ภายนอกให้ดูเฉียบคมมากกว่ารุ่นเดิม เพรียวบาง และเพียบพร้อมที่น่าเกรงขามในเรื่องสมรรถนะ ด้วยกันชนด้านหน้าและกระจังหน้าที่ออกแบบให้กลมกลืนกับไฟหน้าขนาดใหญ่ รูปทรงใหม่เรียว ลู่ลม ในแบบไฟ Bi-Xenon และไฟ LED พร้อมระบบไฟส่องสว่างด้านหน้าที่เลี้ยวตามโค้ง (Dynamic Curve Lighting) โดยจะปรับมุมตามการเลี้ยวของพวงมาลัย  เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน ชุดโคมไฟหน้าแบบคู่ได้รับการออกแบบเป็นทรงกระบอกชุบโครเมียมแวววาว  แถมด้วยไฟ Daylight ที่โคมไฟหน้า เพิ่มความปลอดภัยด้วยชุดไฟตัดหมอกที่ติดตั้งอยู่ในชุดกันชนหน้าเสริมความเป็นสปอร์ตให้แก่ Golf GTI ได้อย่างสวยงามและลงตัว





ฝากระโปรงและกระจกบังลมหน้าออกแบบให้โค้งมนและเป็นแนวเดียวกับหลังคา ส่งผลทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำลงด้วย ล้อแม็กขนาดใหญ่ และยางแก้มเตี้ย  เพิ่มความเป็นสปอร์ตได้อย่างโดดเด่นด้วยการออกแบบไฟเลี้ยวด้านข้างอยู่รวมเป็นชิ้นเดียวกับกระจกมองข้าง และชุดท่อไอเสียโครเมียมคู่ซ้าย-ขวา





เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายในของ The New Golf GTI ที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นสปอร์ตและความสมบูรณ์แบบในทางสรีระวิทยา ด้วยเบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต หุ้มหนังแท้ “Vienna” นั่งกระชับและรับกับสรีระของผู้ขับขี่ พร้อม Lumbar Support ที่ปรับด้วยระบบไฟฟ้า และเพิ่มความปลอดภัยด้วยพนักพิงศีรษะแบบ Whiplash Optimised Head Restraints (WOKS) ช่วยปกป้องศีรษะและหลังให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ในกรณีที่เกิดการชนจากด้านท้าย











ส่วนชุดแป้นเหยียบ และคันเร่ง ตกแต่งด้วย Stainless Steel พร้อมแถบกันลื่น พวงมาลัยแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนังแท้ พร้อมเพิ่มความดุดัน ด้วยเพดาน แผงเสาหลังคา ประตู และคอนโซล ตกแต่งด้วยสีดำเมแทลลิก ชุดโครเมียมรอบหน้าปัดเรือนไมล์ คัดสรรจากวัสดุชั้นยอด และการประกอบที่มีความประณีต ทำให้รู้สึกเสมือนเป็นรถสปอร์ตมากกว่ารถ Hatchback 5 ประตู  เป็นรถแบบ 2+3 ที่นั่ง พร้อมที่เก็บสัมภาระด้านท้าย สามารถจุได้ถึง 1,350 ลิตร ทำให้เป็นรถ Hatchback สไตล์สปอร์ตที่สร้างความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือการหยุดพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์





The New Golf GTI มาพร้อมเครื่องยนต์ที่มีขนาดกะทัดรัด เสริมพละกำลังด้วยชุด Turbo Charger ทำให้ Golf GTI มีความคล่องตัวสูง  ซึ่งเป็นหนึ่งในสูตรสำเร็จของ Golf GTI ที่มีมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ นับตั้งแต่เครื่องยนต์ 118 kW/160 แรงม้า ในรุ่นที่ 2 (G80) จนมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 4 ด้วย Golf GTI 132 kW/180 แรงม้า ที่ผลิตเพียง 3,000 คัน เพื่อฉลองครบรอบ 25 ปีของ GTI ต่อมาในเจเนอเรชั่นที่ 5 พละกำลังเครื่องยนต์ได้เพิ่มขึ้นเป็น 147 kW/200 แรงม้า และพิเศษในรุ่นฉลอง 30 ปี ด้วยเครื่องยนต์ 169 kW/230 แรงม้า ในรุ่น Golf GTI Edition 30





ล่าสุด The New Golf GTI  เจเนอเรชั่นที่ 6 ของ Golf GTI ใช้เครื่องยนต์ 155kW/210 แรงม้า ที่ได้รับการพัฒนามาจากเครื่องยนต์รหัส EA888  ในรุ่น 230 แรงม้า ที่ได้รับการออกแบบและติดตั้งเครื่องยนต์แบบวางขวางได้อย่างลงตัว พร้อมชิ้นส่วนที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาใหม่ เช่น ชุดลูกสูบและแหวนลูกสูบ, ชุดปั๊มน้ำมันเครื่อง, ชุดปั๊มสุญญากาศ, ชุดปั๊มฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง, แอร์โฟลว์เซ็นเซอร์ อันแสดงให้เห็นว่า นอกจากการให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ที่สร้างแรงดึงดูดให้แก่ผู้พบเห็นแล้ว Volkswagen ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ในเรื่องของสมรรถนะควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม





สำหรับเครื่องยนต์ที่บรรจุใน The New Golf GTI มีความโดดเด่นไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน TSI ขนาด 1984 ซี.ซี. ที่มีปริมาณค่าไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์ 170 กรัมต่อกิโลเมตร และอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำเพียง 7.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่รอบต่ำเพียง 1,700 รอบต่อนาทีต่อเนื่องไปจนถึง 5,200 รอบต่อนาที ทำให้สามารถรับรู้ได้ถึงพละกำลังในการขับเคลื่อนที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างทันใจ  (โดยทางโรงงานเคลมไว้ว่าอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 6.9 วินาที และสามารถเคลื่อนที่จากจุดหยุดนิ่งไปจนถึงระยะทาง 1,000 เมตร ด้วยเวลาเพียง 27.3 วินาที  อัตราเร่งในเกียร์ 5 ช่วงความเร็ว 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ในเวลาเพียง 7.5 วินาที เกียร์ 6 ทำได้ในเวลา 9.5 วินาที (ในช่วงความเร็วเดียวกัน) ความเร็วสูงสุดที่ 238 กิโลมเตรต่อชั่วโมง)





ประสิทธิภาพของระบบเกียร์ DSG หรือ Direct Shift Gearbox จากการผสมผสานการทำงานร่วมกันของระบบกลไกและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีโครงสร้างและการทำงานเสมือนเกียร์ธรรมดา โดยมีระบบที่ช่วยในการเหยียบคลัตช์ ซึ่งมี 2 ชุด และเลือกเข้าเกียร์ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการควบคุมจากระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ นุ่มนวล และต่อเนื่อง ปราศจากการกระตุก โดยกำลังเครื่องยนต์จะถูกส่งผ่านไปยังล้อขับเคลื่อนได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดา จึงมีอัตราเร่งที่ดี ขับสนุก และมีความแข็งแรงทนทาน ที่สำคัญ คือ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากยิ่งขึ้น และช่วยลดมลภาวะให้กับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี





เสียง..สไตล์สปอร์ตที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ The New Golf GTI ที่ให้เสียงของเครื่องยนต์และท่อไอเสีย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นความสนุก เร้าใจในความเป็นสปอร์ต และไม่ดังจนน่ารำคาญในขณะที่ต้องขับทางไกล  ขณะที่เสียงด้านนอกถูกควบคุมด้วยระบบการออกแบบควบคุมเสียงโดยเฉพาะ หากมองจากด้านนอกจะเห็นเพียงปลายท่อคู่ในตำแหน่งด้านซ้าย-ขวาของลิ้นดักอากาศที่กันชนด้านหลังเท่านั้น ด้านในระบบท่อไอเสียได้ถูกออกแบบให้ผลิตเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Golf GTI พร้อมด้วยชุดท่อไอเสียที่ใช้วัสดุน้ำหนักเบา เพื่อลดน้ำหนักโดยรวม และแรงดันที่ตีกลับ ทำให้มีผลดีต่อสมรรถนะในการขับขี่และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย





The New Golf GTI ได้รับการพัฒนาในเรื่องของแชสซีอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวรูปลักษณ์และประสิทธิภาพ โดยรุ่นนี้ได้เน้นความเป็นรถสไตล์สปอร์ต โดยลดความสูงของแชสซีด้านหน้า 22 มม. และด้านหลัง 15 มม. ชุดคอยล์สปริง ช็อกแอบฯ และชุดกันโคลงหลัก ได้รับการปรับจูนใหม่ทั้งหมด โดยมีระบบควบคุมเสถียภาพในการทรงตัวแบบ ESP และระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ และระบบป้องกันล้อล็อก ABS ที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมคาลิปเปอร์เบรกขนาดใหญ่สีแดง เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Golf GTI





The New Golf GTI เป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Volkswagen ที่ได้รับการติดตั้งระบบป้องกันการสูญเสียการควบคุมขณะเข้าโค้ง โดยควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (XDS) เพื่อช่วยเพิ่มการเกาะถนนและให้ความรู้สึกในการควบคุมรถ (Handling) ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทางด้านเทคนิค ระบบ XDS เป็นส่วนขยายของระบบล็อกเฟือง Limited Slip (EDS) ที่อยู่ในระบบช่วยการทรงตัวของรถ (ESP) และเมื่อขับขี่และเข้าโค้งในความเร็วสูง หากระบบตรวจพบการลื่นไถลของล้อขับเคลื่อนด้านในวงเลี้ยว หรืออาการดื้อโค้ง ระบบ ESP จะสร้างแรงดันในระบบเบรกที่ล้อ เพื่อให้ยางล้อสามารถยึดเกาะถนนได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้แม้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด





The New Golf GTI ยังโดดเด่นด้วยระบบช่วงล่าง ที่สามารถตอบสนองในทุกสไตล์การขับขี่ได้อย่างลงตัวและหลากหลาย โดยด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม พร้อมคอยล์สปริง และระบบ Adaptive Classic Control-DCC ซึ่งเป็นระบบในการปรับความอ่อน-แข็งชุดช็อกแอบฯ ของระบบช่วงล่าง สำหรับการขับขี่ของผู้โดยสารและสภาพถนน ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ได้ถึงประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลเมื่อเข้าโค้ง เร่ง หรือลดความเร็ว และความกระชับของพวงมาลัย เมื่อเลี้ยวรถอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้การขับขี่สนุกสนานในทุกสภาพถนน





ผู้ขับขี่ The New Golf GTI สามารถเลือกโหมดการทำงานของระบบ DCC ได้จากปุ่มควบคุมที่ติดตั้งอยู่ใกล้กับคันเกียร์ ระบบโหมดต่างๆ จะแสดงที่หน้าปัดด้านหน้า โดยมีทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ 1.โหมด Normal จะอยู่ในระดับปานกลางและปรับแข็ง-อ่อนอัตโนมัติ สำหรับการขับขี่ในแบบปกติ  2.โหมด Comfort สำหรับการขับขี่ที่ต้องการความนุ่มนวล อันเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ที่มีการจราจรติดขัด และ 3.โหมด Sport สำหรับการขับขี่ที่ต้องการความแข็งของช่วงล่างในขณะที่ใช้ความเร็วสูง โดยเฉพาะการขับขี่นอกเมืองและทางไกล อันจะช่วยในเรื่องของการยึดเกาะถนนได้อย่างดี ทั้งยังปรับพวงมาลัยให้ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้การขับขี่นั้นสมบูรณ์แบบมากที่สุด





ช่วงทดสอบ The New Golf GTI กับทีมงาน Auto-Thailand

แรกสัมผัสกับ The New Golf GTI ด้วยรูปโฉมภายนอกที่โดดเด่นสะดุดตาจากสีขาวที่ส่องประกาย ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ลายสปอร์ต บ่งบอกความเป็น Volkswagen  โคมไฟหน้ายามใช้งานในเวลากลางวันยังมีไฟ Daylight เพิ่มความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ใช้ถนนร่วมกันเห็นอย่างชัดเจน และให้ความสวยงามไปในตัว

เปิดประตูเข้าไปนั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่ สัมผัสได้ถึงอารมณ์สปอร์ตด้วยเบาะนั่งที่กระชับรับสัดส่วน สามารถปรับได้ตามต้องการ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อม Shift Paddle ที่สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ตามความต้องการ โดยยังให้การตอบสนองที่ดีต่อเนื่อง สนุกกับการขับขี่ด้วย 3โหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามความต้องการ แต่ละโหมดนอกจากจะปรับเลือกสไตล์การขับขี่แล้ว ยังเชตช่วงล่างให้รองรับรูปแบบการขับขี่แบบนั้นได้อย่างลงตัว





พื้นที่โดยสารด้านหลังมีมาให้กว้างขวาง ทั้งพื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางขา รวมถึงเบาะที่นั่งโดยสารด้านหลังที่นั่งสบาย สามารถนั่งโดยสารได้ 3 คนแบบสบายๆ แถมยังมีช่องแอร์ด้านหลังให้ความเย็นสบายในการเดินทางอีกด้วย

พละกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน TSI ขนาด 1984 ซี.ซี. 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่รอบต่ำเพียง 1,700 รอบต่อนาที ต่อเนื่องไปจนถึง 5,200 รอบต่อนาที ทำให้การขับขี่ทำได้ดั่งใจ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ต้องการความนุ่มนวลขับกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ หรือแม้ยามที่ต้องการกระชากแรงม้าออกมาใช้ก็สามารถทำได้อย่างทันใจชนิดหลังติดเบาะเลยทีเดียว

The New Golf GTI เป็นรถที่ออกแบบมาให้ขับขี่สนุกมั่นใจในระบบช่วงล่างและระบบช่วยการขับขี่ต่างๆ ที่มีมาเพียบพร้อม  จุดเด่นของ The New Golf GTI คือการขับขี่ที่สนุกมั่นใจทั้งในทางตรง แม้กระทั่งในทางโค้งก็สามารถวางใจได้ เรียกว่าเป็นรถรุ่นหนึ่งที่เด่นมากๆ ในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ ทำให้เวลาที่เราใช้ความเร็วระดับเกิน 200 กม./ชม. ยังให้ความมั่นใจในการขับขี่อยู่ แต่ขอบอกว่านี่คือการทดสอบ  การใช้ความเร็วระดับนั้นค่อนข้างอันตรายสำหรับรถทั่วไป
 




สำหรับอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น The New Golf GTI ถือว่าเป็นรถที่จะขับให้ประหยัดก็สามารถทำได้จากรอบเครื่องยนต์ที่ไม่สูงเกินไป โดยในความเร็ว 80 กม./ชม. อยู่ที่ 1,850 รอบ ความเร็ว 90 กม./ชม.อยู่ที่ 2,100 รอบ ความเร็ว 100 กม./ชม. อยู่ที่ 2,300 รอบ แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ถ้าต้องการความสนุกพละกำลังในการขับขี่ก็สามารถเรียกใช้บริการได้ทันที ซึ่งก็จะสวนทางกับความประหยัดเป็นธรรมดา

ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้  The New Golf GTI เป็นรถที่มีความลงตัว ขับขี่สไตล์สนุกมั่นใจในทุกรูปแบบการขับขี่ บวกกับภาพลักษณ์ที่มากับแบรนด์ Volkswagen อยู่ที่ตังค์ในกระเป๋าแล้วล่ะครับ เรียกว่าอารมณ์แบบนี้มีให้ใน The New Golf GTI ว่าก็ว่าเถอะครับ...