Toyota Camry รถยนต์ซีดานขนาดกลางที่ออกมาทำตลาดในบ้านเรา โดยได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถมียอดจำหน่ายอยู่ในลำดับต้นๆเลยก็ว่าได้  มาถึงรุ่นปัจจุบันที่เพิ่งเปิดตัวแนะนำไปเมื่อไม่นานมานี้  ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาในหลายจุด โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องยนต์บล็อกใหม่ขนาด 2.0 ลิตรที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จะน่าสนใจแค่ไหนติดตามได้เลยครับ





Toyota Camry 2.0G  รูปโฉมภายนอกด้านโครงสร้างจะเหมือนกับรุ่นอื่นๆ จะมีแตกต่างในส่วนของกันชนหน้าที่มุมทั้งสองข้างจะไม่มีไฟมาให้แต่จะเป็นช่องตะแกรงสีดำแทน และส่วนที่ชัดเจนที่สุดก็คือในรุ่น 2.0G จะมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ลายใหม่ พร้อมยางขนาด 215/60 R16 (รุ่นอื่นจะเป็นขนาด 17 นิ้ว) อีกจุดสังเกตหนึ่งก็จะเป็นโลโก้ VVT-iW ที่ด้านข้างบริเวณซุ้มล้อหน้า และโลโก้  2.0G   กับ D-4S ที่ฝากระโปรงท้าย

ส่วนภายในของ Toyota Camry 2.0G ใช้สีเบจ พร้อมลายไม้สีน้ำตาลดำ ให้ความหรูหรา กว้างขวาง ทันสมัย  มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น  ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)  ควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง  จอแสดงข้อมูล  เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง  พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้าด้านคนขับ ให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน

เครื่องเสียงของ Toyota Camry 2.0G  เป็นแบบ CD 1 แผ่น พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง พร้อมช่องต่อ USB, AUX และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายบริเวณกล่องคอนโซลกลางที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานใน Toyota Camry รุ่นใหม่ทุกรุ่น

แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ ดีไซน์ใหม่ (ในรุ่น 2.0G ปุ่มต่างๆจะดูธรรมดาๆ) พร้อมระบบปรับอากาศแบบ Dual Auto ระบบปรับอากาศแบบแยกควบคุมระดับอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา ได้ตามความต้องการทั้งสำหรับผู้ขับ และผู้โดยสารด้านหน้า




    





    




Toyota Camry 2.0G  มาพร้อมเครื่องยนต์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด  ระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-iW (VVT-i ทั้งด้านไอดีและไอเสีย) พร้อมระบบการฉีดน้ำมันแบบ D-4S  รหัส 6AR-FSE แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว  ความจุ  2.0 ลิตร ให้กำลังสุงสุด 167 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ (มากกว่ารุ่นเดิม 20 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบ (มากกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Sequential Shift 6 สปีด (ในรุ่นเดิมเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด) ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร4 และสามารถรองรับเชื้อเพลิง E20 ได้ด้วย

สำหรับระบบ VVT-iW เป็นระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย  โดยในฝั่งของไอดีสามารถปรับจังหวะการเปิดวาล์วได้กว้างและปิดได้ช้า  มีผลทำให้ส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเผาไหม้ได้สมบูรณ์  ส่วนระบบ D4-S จะมีหัวฉีด 2 ตัวต่อหนึ่งพอร์ต ตัวหนึ่งอยู่ที่ท่อร่วมไอดี อีกตัวอยู่ในห้องเผาไหม้ โดยมีกล่อง ECU ควบคุมการฉีดจ่ายน้ำมันให้แม่นยำ ทำให้การขับขี่ในรอบต่ำและรอบสูงสามารถผลิตกำลังได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังช่วยในการประหยัดน้ำมันอีกด้วย





ช่วงทดสอบ Toyota Camry 2.0G  กับทีมงาน Auto-Thailand

สำหรับความรู้สึกในวันรับรถด้วยรูปโฉมที่ดูเรียบๆในแบบซีดานขนาดกลาง แต่สิ่งที่สะดุดตาก็คือ สี Dark Brown Mica Metallic (ประมาณสีน้ำตาล) ที่ทำให้ Toyota Camry 2.0G คันนี้ดูหรูหราขึ้นมาเลยทีเดียว

ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Toyota Camry 2.0G ก็สัมผัสได้ถึงความกว้างขวาง  ภายในเน้นโทนสีเบจตกแต่งด้วยลายไม้สีน้ำตาลดำที่ให้ความหรูหรามีราคา ในส่วนของคอนโซลกลางนั้น เนื่องจากรุ่นนี้จะถือเป็นรุ่นเริ่มต้นของโมเดล Toyota Camry อุปกรณ์ต่างๆก็จะมากันแบบประหยัด อาทิ เครื่องเสียงเป็นแบบ CD 1 แผ่น ซึ่งจะว่าไปแล้วคุณภาพเสียงก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย (เสียงดีกว่าบางรุ่นเสียด้วยซ้ำ) ระบบปรับอากาศก็สามารถปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาได้ (แต่หน้าตาปุ่มกดจะดูไม่สวยงามเหมือนรุ่นออพชั่นสูงกว่า) แต่ตรงนี้ต้องขอยืนยันการันตีเลยว่าระบบปรับอากาศของโตโยต้ายังคงให้ความเย็นได้รวดเร็วทันใจ แม้ในยามที่จอดรถตากแดดร้อนๆ  

ในตำแหน่งผู้ขับขี่นั้น เบาะนั่งหุ้มหนังปรับด้วยไฟฟ้ารูปทรงกระชับนั่งสบาย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นควบคุมได้สารพัด เรียกว่าในตำแหน่งผู้ขับขี่สามารถหยิบจับใช้งานปุ่มปรับต่างๆได้อย่างสะดวก ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าก็สามารถปรับไฟฟ้าได้เช่นกัน  เมื่อเข้ามาในห้องโดยสารด้านหลังนั้น พื้นที่วางขา พื้นที่เหนือศีรษะที่มีความกว้างขวาง มีช่องแอร์ที่ด้านหลังช่วยกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึงรวดเร็วอีกด้วย และในขณะขับขี่ใช้ความเร็วนั้นถือว่าการเก็บเสียงรบกวนของห้องโดยสารทำได้น่าพอใจ โดยจะเริ่มได้ยินเสียงรบกวนในช่วงความเร็วเกินกว่า 130 ก.ม./ช.ม.

สำหรับความรู้สึกในการเป็นผู้ขับขี่ทดสอบนั้น ต้องขอบอกก่อนว่า แรกเริ่มก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่า เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร จะอืดไปหรือเปล่า? ที่ต้องมาลากบอดี้ค่อนข้างใหญ่ของ Toyota Camry แต่เมื่อได้มานั่งหลังพวงมาลัย...ติดเครื่อง...เข้าเกียร์...เท้าเหยียบคันเร่ง...ก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร D-4S ที่มาพร้อมระบบวาล์วอัจฉริยะ VVT-iW ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Sequential Shift 6 สปีด ได้อย่างนุ่มนวล ราบรื่น และถือว่าค่อนข้างรวดเร็วเลยทีเดียว ถึงแม้ในช่วงออกตัวจะรู้สึกหน่วงๆบางเล็กน้อย แต่ถ้าเติมคันเร่งเข้าไปก็สามารถพาตัวรถพุ่งไปได้ข้างหน้าได้อย่างทันใจ

ถึงตรงนี้ต้องขอบอกเลยว่าประทับใจกับเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ การส่งผ่านกำลังจากระบบเกียร์อัตโนมัติช่วงจังหวะเกียร์ต่อเกียร์ทำได้นุ่มนวล  ส่วนในช่วงที่ขับขี่ใช้ความเร็วในตำแหน่งเกียร์ S อัตราเร่งที่เดิมๆนั้นค่อนข้างพอใจอยู่แล้ว กลับทำให้รู้สึกสนุกกับอัตราเร่งที่ติดเท้า เรียกว่าการตอบสนองทำได้ค่อนข้างรวดเร็วที่เติมคันเร่ง แต่ก็ยังไม่ได้พุ่งปรู้ดเหมือนเครื่องยนต์ 2.5 ไฮบริด  ตรงนี้ก็ต้องแลกกับความสิ้นเปลืองที่เพิ่มขึ้นบาง  (ซึ่งถ้าได้ออพชั่นแป้นแพดเดิลชิฟมาด้วย รับรองว่าจะสนุกกับการขับได้อีก) ความรู้สึกกับพวงมาลัยก็ให้ความมั่นใจ โดยเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วนั้นก็จะมีความหนืดเพิ่มขึ้น ส่วนในช่วงที่ขับขี่ช้าๆ หรือถอยจอดก็จะมีน้ำหนักเบา

อีกเรื่องที่ขอชมและบอกตามตรงเลยว่าจ้องจับผิดกันเป็นพิเศษเลยก็ว่าได้ ก็คือ ระบบช่วงล่าง และระบบเบรกของ Toyota Camry 2.0G ซึ่งถือว่าทางโตโยต้าได้พัฒนาจากรุ่นเดิมไปมาก  ในการขับขี่ทั้งในช่วงทางโค้ง ทางตรง ระบบช่วงล่างสามารถตอบสนองรองรับได้อย่างมั่นใจ ให้ความนุ่มนวลจนบางครั้งยังคิดว่าจะนุ่มเกินไปหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้ก็คงตั้งใจออกแบบมาเพื่อเน้นในการนั่งโดยสารกันแบบรถครอบครัวเดินทางกันแบบสบายๆ  ส่วนระบบเบรกนั้นก็เป็นจุดด้อยหนึ่งของทางโตโยต้าที่จะโดนตำหนิมาตลอด  แต่ขอบอกว่า ระบบเบรกของ Toyota Camry 2.0G ให้ความรู้สึกในการเบรกที่ดี มั่นใจกว่าเดิมมาก น้ำหนักแป้นเบรกเวลาเหยียบนุ่มเท้าในขณะที่ความเร็วก็จะลดลงตามไปด้วย  อยากบอกว่าความรู้สึกดีใกล้เคียงกับรถยุโรปกันเลยทีเดียว (ตรงนี้เดี๋ยวจะหาว่าเชียร์...แนะนำให้ไปทดลองขับกันเอง) แต่จะขอตินิดตรงตัวแป้นเบรกที่รูปทรงรวมถึงวัสดุให้ความรู้สึกเวลาเหยียบไม่ค่อยลงตัวนัก

ด้านอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ Toyota Camry 2.0G นั้น การทดลองขับขี่ก็มีทั้งในเมืองกับสภาพการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ ส่วนช่วงที่ออกไปทดลองขับขี่กันนอกเมืองก็จะใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-บางแสน-พัทยา ขับไปแวะไปเรื่อยๆ ขับกลับมาถึงกรุงเทพฯ เข็มน้ำมันยังโชว์เหลือเกือบครึ่งถัง เรียกว่าน่าพอใจกันเลยกับรถนั่งขนาดกลางที่ทำได้แบบนี้  และในช่วงที่ขับขี่นอกเมืองนั้น ได้ลองจับรอบการทำงานของเครื่องยนต์ โดยความเร็ว 80 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง 1,400 รอบ  ความเร็ว 90 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง  1,600 รอบ  ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง  1,750 รอบ  ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง  1,900 รอบ  ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง  2,150 รอบ  ความเร็ว 150 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง  2,650 รอบ สำหรับความเร็ว 0-100 ก.ม./ช.ม. ใช้เวลาประมาณ 11.3 วินาที





ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้  Toyota Camry 2.0G รถยนต์ซีดานขนาดกลางจากค่ายโตโยต้า ด้วยรูปโฉมภายนอกเรียบหรูดูธรรมดาไปนิด แต่มาพร้อมเครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างน่าพอใจ ระบบช่วงล่างนุ่มนวล ระบบเบรกให้ความมั่นใจได้ ทั้งยังมาพร้อมความประหยัดเชื้อเพลิง เรียกว่าถ้าเน้นสมรรถนะการใช้งานขับขี่แล้วละก็ Toyota Camry 2.0G คันนี้ไม่น่าทำให้ผิดหวังแน่นอน แต่อย่าลืมไปทดลองขับด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะพบคำตอบ...