ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดกิจกรรม “Porsche Cayenne S E-Hybrid Driving Experience 2015”  เพื่อให้ได้สัมผัสสมรรถนะของ ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Porsche Cayenne S E-Hybrid)  รถ Plug-in Hybrid คันแรกของโลกในคลาสรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ระดับหรูที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ซึ่งทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ลิเธี่ยม-อิออน (lithium-ion battery) เทคโนโลยีแบบ Plug-in เปิดราคาเริ่มต้นที่ 7.99 ล้านบาท โดยกิจกรรมจัดขึ้น  ณ ลานอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์





ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Porsche Cayenne S E-Hybrid) ภายนอกได้รับการออกแบบที่ยังคงเส้นสายอันแข็งแกร่งเป็นเอกลักษณ์ของคาเยนน์ไว้ แต่ที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือ ไฟหน้า Bi-Xenon แบบ  Floating four-point LED daytime running lights ไฟท้าย LED แบบ 4 ชิ้นส่วน Four Part design ด้านข้างจะพบกับไฟเลี้ยวติดกระจกมองข้าง  ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ระบบเบรกแบบ Dual-circuit brake system ที่มีวงจรทำงานแยกระหว่างกัน  ด้านหน้าใช้คาลิปเปอร์เบรก 6 สูบอลูมิเนียมโมโนบล็อก  ดิสก์เบรกแบบเป็นรูเพื่อระบายความร้อน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 390 มิลลิเมตรและมีความหนาที่ 38 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังใช้คาลิปเปอร์เบรก 4 สูบอลูมิเนียมโมโนบล๊อค ดิสก์เบรกแบบเป็นรูเพื่อระบายความร้อน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 330 มิลลิเมตรและมีความหนาที่ 28 มิลลิเมตร









ภายในของ ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Porsche Cayenne S E-Hybrid) ยังจัดเต็มความหรูหราและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เปลี่ยนลุคเพิ่มความสปอร์ตเข้ามาตั้งแต่เบาะหนังและคอนโซลหุ้มหนัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น  พร้อม Paddle Shift ดีไซน์เดียวกันกับ ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder) มาตรวัดแบบวงกลม 5 วง พร้อมจอแสดงผลข้อมูลอันเป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่  และเข็มหน้าปัดรถต่างๆ ที่มาพร้อมด้วยสีเขียว Acid 









ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Porsche Cayenne S E-Hybrid)  มาพร้อมเทคโนโลยีที่โดดเด่นและล้ำสมัย  โดยสานต่อความสำเร็จของนวัตกรรม อี-ไฮบริด โดยเป็นรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ระดับพรีเมี่ยมคันแรกของโลกด้วยเครื่องยนต์  Plug-in Hybrid  ซึ่งรุ่นใหม่นี้เครื่องยนต์มาในรูปแบบ Parallel full hybrid พร้อมด้วยเทคโนโลยีแบบ Plug-in, Supercharged ขนาดเครื่องยนต์ 3 ลิตร V6 ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า  และแบตเตอรี่แบบ ลิเธี่ยม-อิออน (lithium-ion) ขนาด 10.8 kWh ให้พละกำลังเครื่องยนต์รวมสูงสุดที่ 416 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ  แรงบิดสูงสุดที่ 590 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบ  ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Tiptronic S พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Permanent all-wheel drive  สามารถทำอัตราเร่งจาก  0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 5.9 วินาทีเท่านั้น  ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 243 กิโลเมตร/ชั่วโมง 

ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Cayenne S E-Hybrid) สามารถทำความเร็วสูงสุดหากขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 125 กิโลเมตร/ชั่วโมง  อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 29.4 กิโลเมตร/ลิตร  และยังขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ระยะทางไกลถึง 18-36 กิโลเมตร





ช่วงทดสอบ ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Cayenne S E-Hybrid)
กับทีมงาน Auto-Thailand

สำหรับกิจกรรม “Porsche Cayenne S  E-Hybrid Driving Experience 2015” ได้จัดแบ่งการทดสอบไว้ 4 รูปแบบต่อรอบหนึ่งรอบการทดสอบ โดยใช้พื้นที่ลานอเนกประสงค์ของกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์เป็นสถานที่ในการทดสอบเช่นเคย

รูปแบบการขับทดสอบนั้นจะมีการวางไพล่อนเป็นทางตรงยาว เพื่อให้ได้ทดสอบและสัมผัสอัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ของปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Cayenne S E-Hybrid) พร้อมกับการลองใช้งาน  Coasting Function  และที่เกือบสุดทางตรงจะมีการวางไพล่อนบีบไว้ให้เป็นจุดเบรก เพื่อได้ทดสอบประสิทธิภาพของระบบเบรก  หลังจากนั้นจึงขับวนซ้ายไปยังอีกฝั่งของลานอเนกประสงค์ที่จะเน้นให้ได้สัมผัสสมรรถนะ  Handling  ของรถโดยจะมีการวางไพล่อนให้วิ่งไปในทางตรงแล้วบีบเส้นทางให้ต้องหักหลบซ้ายขวา ก่อนวิ่งตรงไปเบรกพร้อมกับวนไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง









จากความรู้สึกที่สัมผัสได้กับสมรรถนะของปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Cayenne S E-Hybrid) ในช่วงออกตัววิ่งในทางตรงนั้น เรียกว่าพละกำลังจากเครื่องยนต์และระบบไฮบริดทำงานผสานกันส่งกำลังได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนมาใช้โหมด Sport อัตราเร่งสามารถทำได้อย่างรวดเร็วทันใจ และในช่วงวิ่งทำความเร็วในทางตรง เมื่อเรายกเท้าออกจากคันเร่งออกประมาณ 3-5 วินาที หรือเอาง่ายๆว่านับ 1-5 เครื่องยนต์จะดับและตัดเข้าสู่การส่งกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ตรงนี้ถ้าคุ้นชินกับรถและระบบการทำงานก็สามารถขับขี่ใช้งานพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวได้ระยะทางพอสมควร

ผ่านเส้นทางตรงมาก็จะมีไพล่อนวางบีบดักไว้ให้ต้องเบรก อยากบอกว่าระบบเบรกของปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Cayenne S E-Hybrid) ไม่ทำให้ผิดหวังที่ถึงแม้เราจะขับใช้ความเร็วมาค่อนข้างสูง แต่เมื่อกดแป้นเบรกนั้นก็สามารถชลอความเร็วพร้อมหยุดตัวรถได้อย่างมั่นใจ โดยไม่มีอาการปัดเป้ ถือว่าเป็นคุณสมบัติพิเศษของรถไฮบริดที่ในช่วงเบรกระบบมอเตอร์ก็จะมีการช่วยเสริมแรงเบรกพร้อมกับส่งพลังงานกลับไปชาร์ตเก็บในแบตเตอรี่อีกด้วย









หลังจากนั้นจึงวนไปยังอีกฝั่งของสนาม ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Cayenne S E-Hybrid) ถึงจะมีความสูงจากพื้นค่อนข้างมากตามสไตล์รถ SUV แต่เมื่อที่ต้องขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวางแล้วถือว่าระบบช่วงล่างนั้นถูกออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมั่นใจ ทั้งยังมีระบบช่วยความปลอดภัยต่างๆเข้ามาช่วยอีก  ยิ่งถ้ามีการกดปุ่มปรับเปลี่ยนเป็นโหมด Sport ระบบช่วงล่างจะถูกปรับให้มีความหนึบเพิ่มมากขึ้นทำให้การขับขี่ในจังหวะที่ต้องหักหลบสิ่งกีดขวางทำได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้  การร่วมกิจกรรม “Porsche Cayenne S  E-Hybrid Driving Experience 2015” ครั้งนี้ที่ถึงแม้ว่าจะมีระยะเวลาอันน้อยนิดในการได้ขับขี่ทดสอบ แต่เรียกว่าก็เพียงพอกับการที่จะได้สัมผัสความรู้สึกในการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด  (Cayenne S E-Hybrid) ที่จัดเต็มกับเทคโนโลยีไฮบริดล้ำสมัยที่ให้ทั้งพละกำลังสมรรถนะการขับขี่ที่น่าประทับใจ แถมยังช่วยเสริมภาพที่หรูหราดูดีแก่ผู้ขับขี่ เรียกว่าค่าตัวระดับ 8 ล้านมีทอน ถ้าเรื่องเงินทองไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะก็...ต้องมาทดลองขับด้วยตัวเอง รับรองว่าจะติดใจกับสมรรถนะของรถยนต์ปอร์เช่คันนี้อย่างแน่นอน


ขอบคุณ :  ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรงพร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ   101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th