หลังจากค่ายฮอนด้าเปิดตัวฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) อย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมียอดจองในช่วงเดือนแรกกว่า 7,000 คัน ทำให้ทีมงาน Auto-Thailand พลาดไม่ได้กับการได้ทดลองขับขี่เพื่อทดสอบสมรรถนะกับฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) ซึ่งรุ่นที่นำมาทดสอบจะเป็นรุ่น EL รุ่น TOP ที่จัดเต็มกับออพชั่นครบๆที่มาพร้อมราคาค่าตัว 1,045,000 บาท





ฮอนด้า เอชอาร์-วี คว้ามาตรฐาน 5 ดาว ASEAN NCAP พร้อมเพิ่มรุ่น E Limited
https://www.auto-thailand.com/hotnews/Honda-HR-V-5-ASEAN-NCAP-and-New-Honda-HR-V-E-Limited-2015.html


ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) ได้รับการออกแบบพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “Seductive Crossover” โดยพัฒนาบนพื้นฐานของรถสปอร์ตอเนกประสงค์ หรือ เอสยูวี (SUV) และได้เพิ่มความปราดเปรียวในสไตล์รถสปอร์ตคูเป้ ผสานกับฟังก์ชั่นการใช้งานแบบอเนกประสงค์ในแบบรถมินิแวน โดดเด่นทั้งดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตกับการออกแบบภายในที่หรูหราพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมียม  เน้นให้มีสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต  จัดเต็มกับเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน
 
ภายนอกของฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) ด้วยรูปโฉมที่ปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตคูเป้ลงตัวกับมือจับเปิดประตูด้านหลังที่ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับกระจกรถยนต์  (แต่วัสดุมือจับยังไม่ค่อยประทับใจในการหยิบจับใช้งานนัก)  กระจังหน้าได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด Solid Wing Face เสริมด้วยโทนสีดำ ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ส่วนไฟท้าย LED เป็นแบบ Tube และออพชั่นที่โดดเด่นที่สุดของรุ่น EL ก็คือ หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิดปิดแบบ One-Touch ที่สามารถเปิดได้กว้างให้สัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่









มิติตัวถังของฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) มาพร้อมความยาว  4,294 มม. กว้าง 1,772  มม.  และสูง 1,605 มม.  ฐานล้อ  2,610  มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 185 มม. ที่ให้ความสูงตัวรถในการก้าวขึ้นลงกำลังดีสะดวกในการใช้งาน

ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) ก็ให้ความกว้างขวาง คอนโซลหน้ายังคงให้อารมณ์เดียวกับภายในของฮอนด้าแจ๊สและฮอนด้าซิตี้  แต่ออกแบบช่องแอร์ด้านหน้าใหม่  ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส   รวมถึงคอนโซลกลางเป็นแบบ 2 ชั้น โดยด้านบนนั้นจะเป็นคันเกียร์อัตโนมัติ พร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold (Automatic Brake Hold)  ซึ่งเป็นระบบเบรกที่ช่วยป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัวโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้ เมื่อกดปุ่มให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อโดยอัตโนมัติหลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติ เมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยเท่านั้น)  ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ผ่อนคลายจากอาการเมื่อยล้าในช่วงเวลาที่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้เป็นเวลานาน เช่น ในสภาพการจราจรติดขัด เป็นต้น  ซึ่งตรงนี้เหมาะมากกับผู้ขับขี่มือใหม่ หรือแม้แต่ผู้ขับขี่ทั่วไปสัมผัสความสบายจากฟังก์ชั่นนี้ได้

ส่วนที่คอนโซลด้านล่างจะมีช่องต่อชาร์ตไฟ และอุปกรณ์ต่างๆมาให้ใช้งานกัน  แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ค่อนข้างต่ำอาจจะทำให้การใช้งานไม่ค่อยสะดวกนักโดยเฉพาะผู้ขับขี่



















ในตำแหน่งผู้ขับขี่จะมีมาตราวัดต่างๆ  พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่สามารถควบคุมเครื่องเสียง รวมถึงการใช้งานโทรศัพท์  และยังมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ซึ่งผู้ขับขี่สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการ

อีกจุดเด่นที่สัมผัสได้ชัดเจนของห้องโดยสารฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) ก็คือ วัสดุแบบนุ่มที่บุภายในทั้งที่คอนโซล แผงประตู รวมถึงเบาะนั่งหุ่มหนังที่ทำได้อย่างประณีตดูดีมีราคา  ส่วนที่เบาะนั่งโดยสารด้านหลังนั้นก็สามารถปรับพับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย

ระบบกันสะเทือนของฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ความพิเศษก็คือ ระบบช่วงล่างได้รับการติดตั้งโช๊คอัพแบบ Amplitude Reactive Dampers ซึ่งเป็นระบบที่ใช้อยู่ใน ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด และ ฮอนด้า โอดิสซีส์ ซึ่งเป็นรถยนต์ในระดับพรีเมียม

โช๊คอัพแบบ Amplitude Reactive Dampers เป็นการผสมผสานโช๊ค 2 ระบบที่แยกจากกันในแง่ของการดูดซับแรงกระแทก โดยจะสามารถตอบสนองในเรื่องความสะดวกสบายในการขับขี่ อีกทั้งการควบคุมและการทรงตัวของรถที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพการขับขี่ 

โช๊คอัพแบบ Amplitude Reactive Dampers เป็นระบบเชิงกลไกที่ไม่ต้องพึ่งพาระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการควบคุมการทำงาน โดยแนวคิดหลักของเทคโนโลยี คือ การใช้ลูกสูบโช๊คอัพแยกกัน 2 ตัว แบ่งเป็นตัวหลักและตัวรอง เมื่อมีแรงกระแทกเล็กน้อยจากถนนในสภาพการขับแบบปกติ ลูกสูบตัวหลักก็จะทำงานในการตอบสนองต่อการดูดซับแรงกระแทก และเมื่อต้องขับขี่บนเส้นทางที่มีแรงกระแทกหรือกระเทือนที่ถูกส่งผ่านจากสภาพถนนที่ขรุขระมากๆ ลูกสูบตัวที่ 2 จะช่วยในการดูดซับแรงกระแทก ซึ่งระบบดูดซับแรงกระแทกแบบที่หนึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่ในความเร็วต่ำขณะที่อีกหนึ่งระบบเหมาะสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง





ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด  พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 ได้อีกด้วย

ช่วงทดสอบฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V)
กับทีมงาน Auto-Thailand

สำหรับความรู้สึกที่สัมผัสได้กับฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) ในยามนั่งในตำแหน่งผู้ขับขี่เบาะนั่งให้ความกระชับนั่งสบาย แต่ขอติตรงที่ไม่มีระบบปรับไฟฟ้ามาให้ใช้งานกับรถราคาเกินล้าน ตำแหน่งการนั่งค่อนข้างสูงทำให้สามารถเพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นได้รอบด้าน

การควบคุมพวงมาลัยถือว่าทำได้ดี คือ บังคับได้ค่อนข้างแม่นยำ  น้ำหนักไม่เบาจนเกินไป และจะมีการปรับหนืดเพิ่มขึ้นในเวลาที่ขับขี่ด้วยความเร็ว แต่ถ้าใช้ความเร็วสูงมากเกิน 140 กม.ชม.ก็จะเริ่มรู้สึกเบาๆอยู่เหมือนกัน









ด้านพละกำลังนั้น ต้องขอชมค่ายฮอนด้าเลยว่า ใจถึงที่นำเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรมาติดตั้งเป็นมาตราฐานในฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) ที่ขายในบ้านเรา เพราะลักษณะการใช้งานหรือความชอบของผู้ใช้รถในบ้านเรานั้นจะชอบเครื่องยนต์ใหญ่ไว้ก่อน ทำให้ทุกครั้งที่ขับขี่ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) จะสัมผัสได้ถึงพละกำลังที่ถูกส่งออกมาจากเครื่องยนต์ที่ให้ความราบรื่น ส่งกำลังได้อย่างต่อเนื่องจากระบบเกียร์ CVT ใหม่ แถมในยามต้องการเรียกพละกำลังอย่างรวดเร็วก็เพียงเลื่อนคันเกียร์มาที่โหมด S พร้อมยังปรับเปลี่ยนเล่นเกียร์ได้จากแป้น Paddle Shift ที่พวงมาลัยให้ทั้งสมรรถนะและความสนุกในการขับขี่อีกด้วย

อีกจุดเด่นหนึ่งของฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) ก็คือ การเซตช่วงล่างมาในแบบสปอร์ตคือค่อนข้างแข็ง หนึบเกาะทั้งในทางตรงและทางโค้ง  (ตรงนี้เป็นความชอบส่วนตัวของทีมงาน)  ซึ่งอาจจะมีบางท่านบอกว่ากระด้างไปบ้าง  รวมถึงระบบเบรกที่ยังคงให้ความมั่นใจในการขับขี่ในสไตล์ฮอนด้า









ส่วนในเรื่องของอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น ตัวเลขที่เคลมจากโรงงานอยู่ที่ 15 กิโลลิตร เมื่อใช้ E20 และ 10.8 กิโลลิตร เมื่อใช้ E85 แต่สำหรับการขับขี่ใช้งานของทีมงาน Auto-Thailand นั้นจากเชื้อเพลิง E20 สามารถทำตัวเลขเฉลี่ยได้ประมาณ 12-13 กิโลลิตร

ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้  ฮอนด้า เอชอาร์-วี ใหม่ (Honda HR-V) รถอเนกประสงค์รูปแบบสปอร์ต ปราดเปรียว จัดเต็มด้วยออพชั่นแบบครบๆ เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังเหลือเฟือ สมรรถนะการขับขี่ที่สามารถไว้ใจได้ทุกเส้นทาง  จะติดอยู่ก็ตรงค่าตัวที่ดูค่อนข้างสูง  ซึ่งตรงนี้ขอแนะนำให้ไปทดลองสัมผัสตัวจริงว่าจะคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไปหรือไม่...รับรองว่าจะได้พบคำตอบนั้นอย่างแน่นอน