หลังจากที่ค่ายมาสด้าได้เปิดตัว Mazda3 ใหม่ รุ่นปรับโฉมไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้จัดกิจกรรมทดลองขับ Mazda3 ใหม่ ที่มาพร้อมรูปโฉมที่มองผ่านๆแล้วดูเหมือนไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร แต่ถ้าได้ลงรายละเอียดจะพบว่ามีการออกแบบปรับหลายจุด โดยเฉพาะด้านหน้า รวมถึงใส่ระบบควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ G-VECTORING CONTROL และเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE เพิ่มเข้ามาในรุ่น Top อีก 10 ฟังก์ชั่น Mazda3 ใหม่ ภายนอกปรับให้มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้า กันชนหน้า ไฟตัดหมอก ที่ถูกดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม Daytime Running Light ดีไซน์ใหม่ รวมไปถึงไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ และกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ในรุ่น 5 ประตู ภายในเพิ่มความสปอร์ตพรีเมียม ด้วยโทนสีแบบทูโทน เบาะนั่งหุ้มหนังน้ำตาล-ดำ แผงประตูเพิ่มวัสดุสีเงิน สีดำ Piano Black ส่วนคอนโซล พวงมาลัย มาตรวัดความเร็ว ได้รับปรับดีไซน์ใหม่ จอ Active Driving Display เปลี่ยนเป็นแบบสีเพื่อการแสดงข้อมูลที่ชัดเจน รวมถึงจอ Center Display ดีใหม่แบบ Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว อีกทั้งที่บริเวณคอนโซลเกียร์ยังมีระบบเบรคมือไฟฟ้า และสวิตช์ Drive Selection ที่สามารถเลือกขับขี่ในโหมด Sport ที่สามารถใช้งานได้สะดวก นอกจากนี้ Mazda3 ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ที่มาพร้อม GVC (G-VECTORING CONTROL) ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะที่จะช่วยให้การทรงตัวของรถเป็นไปอย่างนิ่มนวล ส่งผลให้เกิดการยึดเกาะถนนดียิ่งขึ้นในทุกสภาวะการขับขี่ และในรุ่น 2.0 SP มีการเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE เข้ามาอีก 10 ฟังก์ชั่น ได้แก่ ระบบ ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบ MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า ระบบ SBS (Smart Brake Support) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบ DAA (Driver Attention Alert) ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบ LAS (Lane-Keep Assist System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบ LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบ SCBS (Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ ระบบ SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง ระบบ ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Mazda3 ใหม่ ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv-G 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,000 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบไดเร็คอินเจ็คชั่น ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SkyActiv-Drive ที่สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 ได้อีกด้วย ช่วงทดสอบ Mazda3 ใหม่ กับทีมงาน Auto-Thailand สำหรับกิจกรรมทดลองขับ Mazda3 ใหม่ ครั้งนี้เริ่มต้นที่โชว์รูม ไซม์ ดาร์บี้ มาสด้า พาราไดซ์ พาร์ค ย่านศรีนครินทร์ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ Rancho Charnvee Resort เขาใหญ่ ซึ่งจะเป็นสถานที่ทดสอบระบบ G-Vectoring Control และระบบ MRCC ที่เป็นระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน Mazda3 ใหม่รุ่นนี้ เริ่มต้นช่วงแรกของการเดินทางด้วยการเป็นผู้ขับขี่ทดสอบ ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสาร เรียกว่ามีความกว้างขวางพอตัว วัสดุภายในพวกคอนโซล แผงประตู ที่ทำจากพลาสติกดูมีคุณภาพ งานประกอบถือว่าน่าพอใจทำได้ดีกว่ารถในกลุ่มเดียวกัน อุปกรณ์ต่างๆถูกออกแบบและจัดวางให้อารมณ์รถแบรนด์ยุโรป แต่จะมีจุดที่ไม่ชอบอยู่บางที่ชุดหน้าปัดมาตรวัดที่ปรับใหม่ที่ดูจะเรียบเกินไป จากที่รุ่นก่อนมีทั้งการใส่แถบสีเงินและขอบสีแดงที่มาตรวัดรอบที่จะให้ความสปอร์ตสวยงามกว่านี้ ซึ่งตรงนี้ก็ถูกทดแทนด้วยหน้าจอแสดงผลที่คอนโซลกลางดีไซน์ใหม่ และจอ Active Driving Display แบบสีที่ให้ความทันสมัยสามารถแสดงผลได้ชัดเจน ส่วนอีกออฟชั่นที่ขาดหายไปกับรถกลุ่มนี้ในตัว Top ที่น่าจะติดตั้งมาก็คือ เบาะนั่งปรับไฟฟ้าที่เบาะผู้ขับขี่ แต่รวมๆแล้วก็ถือว่าภายในห้องโดยสารของ Mazda3 ใหม่ ทำได้ดีเลยทีเดียว สำหรับการเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมทดสอบอีก 3ท่าน เรียกว่านั่งกันเต็มพิกัดบวกด้วยสัมภาระเต็มพื้นที่ด้านหลัง ความรู้สึกในช่วงขับขี่นั้น เริ่มออกตัวก็สามารถให้การตอบสนองที่ทันใจ โดย Mazda3 ใหม่ เป็นรถไม่กี่รุ่นในพิกัดนี้ที่ไม่ได้ใช้ระบบเกียร์แบบ CVT ทำให้มีอัตราเร่งทำได้ติดเท้ากว่า และที่สำคัญต้องขอชมกันเลยว่าเกียร์ตัวนี้ให้ความนุ่มนวลราบลื่นปรับเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วขับสนุกกว่า และยังมีแป้นแพดเดิลชิพ พร้อมสวิตช์ Drive Selection ให้เลือกการขับขี่ในโหมด Sport ซึ่งสามารถให้อัตราเร่งที่ดีขึ้นแบบรู้สึกได้ การขับขี่ควบคุมนั้น ระบบพวงมาลัยให้การปรับน้ำหนักได้ตามความเร็ว ให้ความคล่องตัว เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงก็สามารถปรับให้หนืดมือขึ้นเพิ่มความมั่นใจในการบังคับควบคุม อีกจุดเด่นหนึ่งของรถยนต์มาสด้าก็คือ ระบบช่วงล่างที่มีชื่อเสียงเรื่องความเกาะถนน ซึ่งรุ่นก่อนหน้าก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว แต่ใน Mazda3 ใหม่ โฉมนี้ยังได้รับการใส่ระบบ G-Vectoring Control ที่ค่ายมาสด้าต้องการเน้นเรื่องสมรรถนะการขับขี่ รวมถึงระบบเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่ใส่เพิ่มเข้ามาอีก 10 ฟังก์ชั่นในรุ่น Top เรียกว่าจัดเต็มกันเลย สำหรับในเที่ยวขาไปที่ทีมงาน Auto-Thailand ได้ขับทดสอบนั้น ก็พอจะรับรู้ถึงการขับขี่ที่สามารถควบคุมรถได้ง่าย แต่ตรงนี้อาจจะไม่ชัดเจนนัก ทางมาสด้าจึงได้จัดการทดสอบในสนามเพื่อทดสอบระบบพวกนี้กันแบบเน้นๆ เมื่อเดินทางถึง Rancho Charnvee Resort เขาใหญ่ ซึ่งได้มีการใช้พื้นที่สนามบินส่วนตัวมาเป็นลานทดสอบ Mazda3 ใหม่ โดยรูปแบบสนามจะแบ่งการทดสอบเป็น 2 ช่วง ในช่วงแรกจะเป็นการให้ทดลองระบบ G-Vectoring Control ด้วยการขับขี่ผ่านไพล่อนที่วางดักเป็นช่องทางคดเคี้ยวให้ขับผ่านด้วยความเร็วที่กำหนด ซึ่งจะมีรถยนต์ Mazda3 ใหม่ และ Mazda3 โฉมก่อนที่ไม่มีระบบนี้ให้ได้ขับทดสอบเปรียบเทียบ เริ่มด้วยการขับขี่ Mazda3 รุ่นเก่าที่ไม่มีระบบ G-Vectoring Control ความรู้สึกในการขับผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวนั้นก็จะต้องใช้การควบคุมพวงมาลัยที่มากกว่า แต่ในขณะที่ขับขี่ Mazda3 ใหม่ ที่มีระบบ G-Vectoring Control นั้นสามารถควบคุมตัวรถได้ง่ายกว่าแบบพอรู้สึกได้ โดยตัวรถมีการโยนตัวน้อยกว่า โดยเฉพาะจะรู้สึกชัดเจนในช่วงที่สลับมาเป็นผู้นั่งโดยสารที่เบาะด้านหลัง หลังจากนั้นจะเป็นช่วงที่ให้ได้ทดสอบระบบ MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า โดยจะมีรถยนต์ขับนำหน้า และให้ขับขี่ Mazda3 ใหม่ ตามด้วยความเร็วที่กำหนด และเปิดใช้ระบบนี้ เมื่อระบบทำงานจะสามารถรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า รวมถึงทำความเร็วตามที่เราตั้งไว้ได้ เช่น เมื่อรถคันหน้าเร่งทำความเร็วขึ้นไป Mazda3 ใหม่ ก็จะเร่งความเร็วอัตโนมัติตามในความเร็วที่เรากำหนดไว้ ถ้าคันหน้าใช้ความเร็วสูงกว่าที่เราตั้งไว้ก็จะหยุดทำงาน ส่วนในช่วงที่รถคันหน้าเบรกลดความเร็ว แต่ยังอยู่ในความเร็วที่เราตั้งไว้ Mazda3 ใหม่ ก็จะชะลอความเร็วลงตาม และเมื่อคันหน้ามีการลดความลงต่ำหรือหยุดรถ ระบบนี้จะหยุดทำงาน แต่จะมีระบบ SBS ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ และระบบ SCBS ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ เข้ามาทำงานแทนที่ได้อย่างลงตัว เรียกว่าระบบเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ต่างๆที่ทางมาสด้าจัดเต็มเพิ่มมาให้ใน Mazda3 ใหม่นี้สามารถช่วยให้การขับขี่ทำได้มั่นใจและปลอดภัยมายิ่งขึ้น สำหรับเรื่องอัตราความสิ้นเปลืองของการขับขี่ในครั้งนี้นั้น ด้วยการขับขี่ที่ใช้ความเร็วที่คล่องข้างสูง มีการเร่งแซงทำความเร็วเพื่อตามขบวนตลอดทาง กับเส้นทางบางช่วงที่ต้องขึ้น-ลงเขาใหญ่ ตัวเลขที่ได้อยู่ที่ประมาณ 12-14 กิโลลิตร ตรงนี้ถ้าขับขี่ใช้งานทั่วไปตัวเลขที่ออกมาน่าจะดีกว่านี้แน่นอนครับ ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ Mazda3 ใหม่ ที่ได้รับการปรับโฉมเก็บรายละเอียดให้มีความโฉบเฉี่ยวทันสมัยมากขึ้นที่อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรปรับเปลี่ยนเมื่อมองผ่านๆ แต่ไฮไลต์ของ Mazda3 ใหม่ จะอยู่ที่การเพิ่มระบบ G-Vectoring Control และระบบ i-ACTIVSENSE ที่สามารถช่วยให้การขับขี่ทำได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น ที่สำคัญการตอบสนองการขับขี่ของ Mazda3 ใหม่ทำได้อย่างน่าพอใจจากระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SkyActiv-Drive ที่ส่วนใหญ่รถในกลุ่มจะเปลี่ยนไปใช้ระบบเกียร์ CVT กันหมดแล้ว เอาเป็นว่าถ้าคุณหารถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่น แต่ชอบสมรรถนะการขับขี่แบบรถยุโรป คงต้องหาโอกาสไปทดลองด้วยตัวคุณเอง...รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ...