บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมการทดสอบสมรรถนะ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เพื่อให้ได้สัมผัสกับสมรรถนะด้านต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะที่ติดตั้งมากันแบบจัดเต็มในมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ พร้อมราคาสุดพิเศษช่วงเปิดตัว 1,138,000 -1,399,000 บาท





ทีมงาน Auto-Thailand ก็ได้มีโอกาสในการร่วมสัมผัสสมรรถนะการทดสอบขับขี่มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ถือเป็นกลุ่มสื่อมวลชนกลุ่มแรกๆที่ได้มีโอกาสมาทำการทดสอบรถยนต์มิตซูบิชิในสนามทดสอบรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่เป็นสนามทดสอบที่แรกของมิตซูบิชิที่อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น

สำหรับการทดสอบมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ครั้งนี้นั้นแบ่งการทดสอบออกเป็น 3 สถานี และแบ่งคณะสื่อมวลชนออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อผลัดเปลี่ยนกันทดสอบไปในแต่ละสถานีจนครบทั้ง 3 สถานี

ทีมงาน Auto-Thailand เริ่มสถานีแรกที่สถานีระบบเสริมความปลอดภัย โดยช่วงแรกจะเป็นการบรรยายข้อมูลและการทำงานของระบบเสริมความปลอดภัยที่เป็นไฮไลต์ในมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ อาทิ






    


ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา
(BSW – Blind Spot  Warning)
ทำงานโดยการใช้คลื่นอัลตร้าโซนิค ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณมุมกันชนทั้ง 4 ด้าน โดยระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตาซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากกระจกมองข้าง ในขณะเดียวกันเมื่อเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือนพร้อมสัญญาณเตือนไฟกระพริบบนกระจกมองข้าง ทั้งนี้ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 20 - 140 กม./ชม.  ในระยะไม่เกิน 3 เมตร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการเปลี่ยนช่องจราจร





ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว 
(FCM-Forward Collision Mitigation System)
จะทำงานโดยใช้เรด้าประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนเพื่อให้เบรกรถ พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก เพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และเมื่อความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม. ระบบช่วยเบรกจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน เพื่อบรรเทาความเสียหายจากการชน




    


กล้องมองภาพรอบคันพร้อมเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ
(Multi-around Monitor)
ทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น





ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
(UMS-Ultrasonic misacceleration Mitigation System)
ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าโซนิคตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง "D" หรือ "R"  หากมีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ไว้ประมาณ 5 วินาที ทั้งนี้ระบบจะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดจากการชน

หลังจากนั้นจะเป็นการลงทดสอบภาคสนาม โดยใช้รถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT-Premium ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมด้วยทีมงานมิตซูบิชิชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ขับขี่ และทีมงานคนไทยเป็นผู้คอยบรรยายแนะนำการทำงานของระบบต่างๆ เรียกว่าสถานีนี้นั้นเน้นให้เราได้นั่งทดสอบและสัมผัสการทำงานของระบบต่างๆกันแบบครบ  ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มาก แต่ก็พอจะบอกได้ว่าระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆที่มีในมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ สามารถช่วยให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น และน่าจะเหมาะกับนักขับมือใหม่

สถานีที่สอง ทดสอบสมรรถนะของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ด้านความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยใช้รถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT-Premium ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ในสถานีนี้ผู้ทดสอบจะได้ขับขี่เอง โดยมีทีมงานมิตซูบิชิคอยแนะนำและอธิบายข้อมูลเช่นเคย




    


เริ่มด้วยการทดลองขับมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ในรอบแรกไปในสนามทดสอบที่ได้จำลองสภาพพื้นผิวแบบต่างๆที่พบเจอในการใช้งานจริง (เรียกว่าค่อนข้างใกล้เคียง) อาทิ พื้นผิวลาดยาง  พื้นผิวกรวด รอยต่อของถนน รวมถึงฝาท่อ เป็นต้น จากการได้ทั้งทดลองขับขี่และนั่งโดยสารในสถานีนี้นั้น ต้องบอกว่าความสะดวกสบายและความกว้างขวางในห้องโดยสารของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รวมถึงการเก็บเสียงรบกวนจากภายนอก ทำได้อย่างน่าพอใจ  จากการเพิ่มฉนวนเก็บเสียง วัสดุดูดซับเสียงและลดการสั่นสะเทือนในส่วนต่างๆ

ในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ที่ดีนั้น  นอกจากจะมาจากตัวรถและระบบช่วงล่างที่ดีแล้ว ยางรถยนต์ก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก โดยมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ได้เลือกติดตั้งยาง Bridgestone Dueler H/T 684II ที่ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่ช่วยซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนแบบต่างๆ และยังให้การยึดเกาะที่มั่นใจเพิ่มอีกด้วย

อีกจุดที่สำคัญคือการนั่งโดยสารในเบาะแถวที่ 3 นั้นสามารถใช้งานได้จริง แม้แต่ในเวลาที่ผู้โดยสารเบาะแถวที่ 2 ปรับเอนมา ผู้โดยสารในเบาะแถวที่ 3 ก็ยังสามารถนั่งได้แบบสบายๆ


    

    

    


มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ยังมีอีกจุดเด่นที่สามารถทำได้ดี ก็คือระบบปรับอากาศที่สามารถส่งกระแสลมกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึงจากช่องแอร์ตอนหลังที่เพดาน เรียกว่าการทดสอบรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ในสนามครั้งนี้อยู่ในที่โล่งและวันนี้แสงแดดค่อนข้างแรง แต่ระบบปรับอากาศของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ก็สามารถทความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนในรอบที่ 2 นั้นจะมีการปรับโหมดขับเคลื่อนเป็น 4H เพื่อให้ได้สัมผัสการทำงานที่ทางมิตซูบิชิต้องการสื่อให้เห็นถึงความรู้สึกในการขับขี่ในโหมดนี้นั้นแทบจะเหมือนกับการขับขี่รถแบบขับเคลื่อน 2 ล้อทั่วไป

โดยความรู้สึกจากการขับขี่ที่ชัดเจนในรถขับเคลื่อน 4 ล้อทั่วไป เมื่อมีการปรับมาใช้งานโหมดขับเคลื่อนเป็น 4H จะรู้สึกถึงแรงดึงที่พวงมาลัยเวลาควบคุมจะมีอาการหนักตึงๆมือ แต่สำหรับในมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ เมื่อใช้งานระบบขับเคลื่อนเป็น 4H ความรู้สึกในการควบคุมพวงมาลัยแทบไม่ต่างกับตอนขับขี่ในโหมด 2 ล้อทั่วไป ซึ่งได้มีช่วงให้ได้ทดสอบสมรรถนะโดยทดลองขับขี่มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ วนไพล่อนที่วางไว้แบบสุดวงเลี้ยว เพื่อให้ได้ลองสัมผัสความรู้สึกในการควบคุมพวงมาลัย และวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.6 เมตร




    




สถานีที่ 3 ทดสอบสมรรถนะของมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ด้วยการขับขี่ใช้ความเร็วตามกำหนดในสนามทดสอบ โดยใช้รถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT ขับเคลื่อน 2 ล้อ ในการทดสอบ

โดยวิ่งทำความเร็วไปตามเส้นทางรอบใหญ่ของสนามทดสอบ ซึ่งแต่ละจุดจะมีป้ายกำหนดความเร็วที่ต้องใช้ พร้อมทั้งมีการวางไพล่อนบีบให้วิ่งในเส้นทางที่กำหนดอีกด้วย  ในรอบแรกนั้นก็สัมผัสได้ถึงสมรรถนะการทำงานของระบบช่วงล่างที่ให้ทั้งความมั่นใจในการขับขี่ รวมถึงสามารถซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนในรูปแบบต่างๆได้ค่อนข่างน่าพอใจ

สำหรับสถานีนี้นั้นยังสามารถจับความรู้สึกกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่มีความหนืดหนักมือในระดับหนึ่ง แต่ยังมีความแม่นยำ คล่องตัว ซึ่งน่าจะเหมาะกับการขับขี่ใช้ความเร็วสูง  แต่ในช่วงที่ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำหรือในการถอยจอดก็อาจจะรู้สึกหนักไปบ้าง แต่ถ้ามองอีกมุมคิดว่าน่าทำให้ขับขี่ได้มั่นใจกว่ารถที่มีพวงมาลัยเบาๆ





ในด้านพละกำลังเครื่องยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รุ่น GT ขับเคลื่อน 2 ล้อ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ใหม่ รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ ไมเวค คลีนดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร  พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่  2,500 รอบต่อนาที  ระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 สปีด และแป้น Paddle Shift ปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (เอกลักษณ์เฉพาะมิตซูบิชิ ที่ไม่หมุนตามพวงมาลัย)

ความรู้สึกจากการขับขี่นั้น ขอชมเรื่องการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 สปีด ที่สามารถส่งกำลังได้อย่างต่อเนื่อง (ความรู้สึกเหมือนรถกลุ่มยุโรป) จังหวะการต่อเกียร์แทบไม่รู้สึก  ส่วนด้านอัตราเร่งนั้นพละกำลังจากเครื่องยนต์ 181 แรงม้า จากการที่ได้ทดลองในช่วงสั้นๆ เพียง 2 รอบสนาม ในช่วงการออกตัว หรือเร่งทำความเร็วช่วงแรกอาจจะรู้สึกไม่ค่อยทันใจหนัก แต่เมื่อเรียกอัตราเร่งไปถึงรอบกลางและรอบสูงก็สามารถทำอัตราเร่งได้ค่อนข้างน่าพอใจ




    


ส่วนในรอบที่ 2 เป็นการทดลองใช้งานแป้น Paddle Shift ปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ในแบบแมนนวล จากความรู้สึกในการขับขี่นั้นถือว่าให้การตอบสนองน่าพอใจ ทั้งในเวลาที่เปลี่ยนเกียร์ลงก็สัมผัสได้ถึง Engine break  ส่วนในช่วงที่มีโอกาสลากรอบในช่วงทางตรงโดยการปรับเปลี่ยนเกียร์จากแป้น Paddle Shift  ก็สามารถทำอัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่อง  และถ้ายังลากรอบโดยไม่เปลี่ยนเกียร์ ก็จะตั้งตัดรอบความเร็วเอาไว้ เพื่อป้องกันการใช้งานเกินรอบการทำงานของเครื่องยนต์  แต่ในขณะที่ชะลอและหยุดรถ ระบบเกียร์จะเปลี่ยนกลับเป็นโหมด D โดยอัตโนมัติ

ส่วนในเรื่องอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนั้น เนื่องจากรูปแบบการทดสอบมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ในวันนี้นั้นทำกันในสนามและใช้เวลาสั้นๆ จึงยังไม่สามารถบอกอะไรได้มากนัก

ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้  มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ รถอเนกประสงค์จากค่ายมิตซูบิชิ ที่มาพร้อมกับรูปโฉมใหม่ ทั้งภายนอก-ภายใน ห้องโดยสารที่กว้างขวางดูดี เบาะนั่งใช้งานจริงได้ทุกตำแหน่ง สมรรถนะเครื่องยนต์ถ้าไม่ได้เป็นคนเท้าหนัก รับรองว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เพียงพอกับการใช้งาน และไฮไลต์ของรถจากค่ายมิตซูบิชิก็คือ สมรรถนะช่วงล่างในการขับขี่ที่ให้ความมั่นใจ รวมถึงจัดเต็มกับออพชั่นและระบบความปลอดภัยที่มากับราคาค่าตัวที่คุ้มค่า ทั้งหมดนี้มีอยู่ในมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่