บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ด้านความปลอดภัย เดินหน้าสานต่อกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยครั้งที่ 12 “Mercedes-Benz Driving Events 2015” นำทีมครูผู้ฝึกสอนมากฝีมือจากประเทศออสเตรเลีย พร้อมด้วยขบวนยนตรกรรมหรูหลากหลายรุ่น อาทิ The new C 300 BlueTEC HYBRID Estate, The new generation CLS Coupé, CLS Shooting Brake และอื่นๆ อีกมากมาย จำนวนกว่า 19 คัน มาให้ร่วมทดสอบอย่างครบครันในทุกเซ็กเมนต์
VIDEO
ทีมงาน Auto-Thailand ก็ไม่พลาดที่ได้ร่วมกิจกรรมและสัมผัสสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์หลากหลายรุ่นกันแบบเต็มอิ่มในสนามที่ได้มาตรฐานกับ Chang International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เรียกว่าคงมีไม่บ่อยนักที่จะได้มีโอกาสลงไปขับรถทดสอบในสนามแห่งนี้
ในปีนี้ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้จัดเตรียมรถยนต์สำหรับการฝึกไว้กว่า 19 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ในกลุ่ม NGCC (New Generation Compact Car) อย่าง A 45 AMG และ CLA 45 AMG, กลุ่ม Contemporary Luxury อย่าง The new C 300 BlueTEC HYBRID, ML 250 BlueTEC และ S 300 BlueTEC HYBRID และกลุ่ม Dream Car อย่าง The new generation CLS Coupé และ CLS Shooting Brake เป็นต้น
ในการทำกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย Mercedes-Benz Driving Events 2015 ครั้งนี้ ได้แบ่งการฝึกออกเป็น 3 กลุ่ม โดยแบ่งรถที่ใช้ในการฝึกและทดสอบออกเป็น 3 กลุ่มเช่นกัน แต่ละกลุ่มก็จะมีรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์หลายรุ่นให้ได้สลับขับขี่ และแบ่งสถานีในการฝึกและทดสอบออกเป็น 3 สถานี คือ สถานีที่ 1 Racing Line สถานีที่ 2 Slalom สถานีที่ 3 Emergency Braking และ ESP ซึ่งหลังจากฝึกและทดสอบครบทั้ง 3 สถานีแล้วก็ยังมีการขับขี่แบบ Full Lap เต็มรอบของสนามแข่ง Chang International Circuit ที่ทำให้ได้สัมผัสสมรรถนะของรถแต่ละรุ่นได้แบบเต็มๆ
สถานีที่ 1 Racing Line
โดยรูปแบบการขับขี่จะมีการตั้งไพล่อนวางไว้ในตำแหน่งสำคัญต่างๆ เพื่อเป็นจุดบอกไลน์การขับขี่ คือ ไพล่อน 3 ตัว หมายถึงจุดเบรก ไพล่อน 2 ตัว หมายถึง จุดเลี้ยว และไพล่อน 1 ตัว หมายถึง จุด Apex ที่ทางทีมผู้ฝึกสอนจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้กำหนดไว้ให้ขับเข้าไปชิดไพล่อนที่สุด สำหรับสถานีนี้นั้นได้แบ่งบางส่วนของสนามให้เป็นเส้นทางในการขับขี่แล้วจึงวนกลับมาสลับรุ่นรถในการขับขี่ เรียกว่าในสถานีนี้ได้ขับขี่ในโค้งและช่วงทางตรงตามไลน์ที่ผู้ฝึกสอนแนะนำ โดยในรอบแรกๆก็จะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำก่อน ส่วนในรอบต่อๆมาก็เพิ่มความเร็วขึ้น ซึ่งในรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในแต่ละรุ่นก็จะให้การขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับในสถานีนี้นั้น ทีมงาน Auto-Thailand รู้สึกประทับใจสมรรถนะของ CLS 250 CDi Shooting Brake ที่ถึงจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ด้วยพละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซลและการเซตช่วงล่างมาแบบลงตัวทำให้ขับขี่ได้คล่องตัวไม่แพ้รถขนาดเล็กอย่างพวก A45 AMG และอีกรุ่นก็คือ The new C 300 BlueTEC HYBRID Dynamic ที่ให้พละกำลังที่ต่อเนื่อง อัตราเร่งรวดเร็วจากเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดใหม่
สถานีที่ 2 Slalom หรือ Gymkhana
โดยใช้พื้นว่างในสนามโซนด้านหน้าแกรนด์สแตน ด้วยการตั้งไพล่อนวางดักให้วิ่งตามไลน์ที่กำหนด โดยจะให้วิ่งตรงไปด้วยความเร็ว แล้วหักหลบซ้าย-ขวาตามช่องที่วางไพล่อน แล้วจะมีจุดเบรกเพื่อหักหลบขวา-ซ้าย หลังจากนั้นขับตรงไปเพื่อวนรอบกลุ่มไพล่อน 1 รอบ แล้วจึงขับเข้าสู่เส้นทางตรงที่มีการวางแนวไพล่อนให้ขับขี่แบบสลาลอมแล้วมาเบรกยังจุดที่กำหนดไว้ ซึ่งมีการจับเวลาในการขับแต่ละรอบด้วย จากการขับขี่ในสถานีนี้นั้น ได้รับคำแนะนำในการเดินคันเร่งรวมถึงการควบคุมพวงมาลัยนั้นสำคัญ เพราะถ้าขับเร็วเกินก็ไม่ได้ช่วยให้ใช้เวลาน้อยลงกลับจะเสียเวลามากกว่าเดิม
ในสถานีนี้ ทีมงาน Auto-Thailand ต้องขอยกให้ Mercedes-Benz SLK200 ที่ให้ความคล่องตัว การบังคับควบคุมแม่นย่ำ โดยเฉพาะที่ต้องขับขี่ในช่วง Slalom
สถานีที่ 3 Emergency Braking
และทดสอบการทำงานของ ESP หรือ High Speed Lane Change
โดยในสถานีนี้จะใช้ช่วงทางตรงของสนามแบ่งเป็น 2 ฝั่ง เริ่มจากการขับขี่ในการเบรกแบบฉุกเฉิน ออกตัวจากจุดสตาร์ทวิ่งตรงไปโดยใช้ความเร็วประมาณ 80-90 กม./ชม. จะมีจุดตั้งเซ็นเซอร์ 2 ตัวซ้าย-ขวา เมื่อรถวิ่งผ่านก็จะส่งสัญญาณไปยังไฟสีเขียว เพื่อให้เราเบรกและไปในทางที่ไฟสีเขียวสว่าง เรียกว่าความรู้สึกช่วงแรกนั้นก็ไม่กล้าใช้ความเร็วมาก เพราะกลัวจะหักหลบไม่ทัน แต่จากการขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์โดยเฉพาะรุ่นใหญ่อย่าง S-Class หรือ CLS จะให้ความมั่นใจในยามที่ต้องเบรกกะทันหันแล้วหักหลบ แต่ในรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นเล็กอย่างพวก A-Class, C-Class, E-Class นั้นจะให้ความคล่องตัวกว่าในการหักหลบสิ่งกีดขวาง
ในสถานีนี้ความประทับใจของทีมงาน Auto-Thailand ที่ได้ขับขี่จะอยู่ที่ Mercedes-Benz S 300 BlueTEC HYBRID ที่มีตัวถังขนาดใหญ่นั่งสบายนุ่มนวล ส่วนในยามที่ต้องเบรกกระทันหันตัวรถจะค่อนข้างนิ่งและให้ความมั่นใจในการขับขี่กว่า
หลังจากนั้นจึงไปต่อกันอีกฝั่งของสถานีนี้คือ การทดสอบการทำงานของ ESP หรือ High Speed Lane Change โดยเริ่มจากการขับขี่มาด้วยความเร็วแล้วให้หักหลบขวา-ซ้ายไปตามแนวที่วางไพล่อนไว้ เรียกว่าเน้นให้ได้สัมผัสการทำงานของระบบ EPS กันเลย โดยเฉพาะในจังหวะที่ต้องหักหลบด้วยความเร็วตัวรถจะมีอาการปัดเป๋น้อย แต่ตรงนี้ถ้าใช้ความเร็วสูงเกินไปก็ได้มีการกวาดไพล่อนกันไปบาง จากสถานีนี้อยากบอกว่าน่าจะได้มาลองขับขี่กันแบบนี้ดูเพราะว่าในสถานการณ์จริง ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจะได้ควบคุมรถและขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายที่เป็นไฮไลต์เลยก็ว่าได้คือ การขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ แบบ Full Lap หรือว่าเต็มรอบของสนาม Chang International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์ เรียกว่าได้อารมณ์แบบเวลามีการแข่งขันในสนามก็ว่าได้ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเช่นเดิม และมีผู้ฝึกสอนขับนำและคอยบังคับไม่ให้ขับขี่กันด้วยความเร็วเกินไป และเช่นเคยที่ทุกคนก็ต่างจับจ้องจะขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น A 45 AMG และ CLA 45 AMG ที่ให้สมรรถนะที่ขับขี่สนุก ทั้งพละกำลัง ระบบเบรก ช่วงล่างที่สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ดีกว่ารถในรุ่นทั่วไป แต่ตรงนี้ก็มีอีกรุ่นที่ขับขี่สนุกก็คือ new C 300 BlueTEC HYBRID ที่ให้อัตราเร่งได้อย่างทันใจไม่แพ้ในรุ่นพิเศษ AMG
ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ กิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events 2015 เป็นหนึ่งกิจกรรมที่ได้มีโอกาศในการสัมผัสสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์กว่า 19 รุ่น ในงานเดียวกัน อีกทั้งยังได้ขับขี่กันในสนามแข่งที่ได้มาตรฐานอย่าง Chang International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์ แถมยังได้ความรู้ทักษะในการขับขี่กลับมาอีกด้วย เรียกว่าโอกาศแบบนี้คงไม่มีบ่อยนักกับรถยนต์แบรนด์หรูอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์
The new C-Class BlueTEC HYBRID Sedan and Estate
: ผู้นำยนตรกรรมกลุ่มพรีเมี่ยม ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ดีเซลไฮบริด
C 300 BlueTEC HYBRID Sedan and Estate AMG Dynamic ยนตรกรรมรุ่นล่าสุดที่เข้ามาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของรถยนต์ดีเซลไฮบริดในกลุ่ม Contemporary Luxury ให้ครบครันมากยิ่งขึ้น รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาว จาก Euro NCAP ในด้านความปลอดภัยต่อผู้โดยสาร (occupant safety), ความปลอดภัยในเด็ก (child safety), ความปลอดภัยต่อผู้สัญจรบนท้องถนน (pedestrian protection) และระบบช่วยเหลือความปลอดภัย (assistance systems) โดยภายในงานครั้งนี้ เราได้นำรถยนต์ในรุ่น the new C 300 BlueTEC HYBRID Estate มาให้ทุกท่านได้ทำการทดสอบสมรรถนะกัน โดยรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600-1,800 ต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 20 กิโลวัตต์ (27 แรงม้า) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 238 กม./ชม. และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 23.8-26.3 กม./ลิตร นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังได้ผ่านมาตรฐานความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และปริมาณไอเสีย (Euro 6) ที่เข้มงวดอีกด้วย
สำหรับดีไซน์ภายนอกได้เพิ่มความสปอร์ตเร้าใจให้มากยิ่งขึ้น ด้วยชุดแต่ง AMG Sports Package ที่ประกอบด้วยล้ออัลลอย AMG แบบ 5 ก้านขนาด 18 นิ้ว AMG Bodystyling ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ลดระดับให้ต่ำลง พร้อมกระจังหน้าแบบสปอร์ต มีสัญลักษณ์ โลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์ขนาดใหญ่ตรงกลางบนลาย 2 แถบ ตลอดจนการตกแต่งภายในที่คงไว้ซึ่งความหรูหราแต่ดุดัน ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัด สำหรับ ห้องโดยสารภายใน มาพร้อมกับอุปกรณ์ติดตั้งมาตรฐานชุด EASY-PACK tailgate ระบบเปิด-ปิดฝาท้ายอัตโนมัติ ซึ่งทำงานในระบบกลไกกึ่งไฟฟ้า สามารถเปิดได้จากปุ่มควบคุมเบาะนั่งผู้ขับขี่,ฝากระโปรงท้าย หรือจากกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ และยังสามารถปิดลงอีกครั้งด้วยปุ่มควบคุมที่ฝากระโปรงท้าย รวมถึงแผ่นปิดที่เก็บสัมภาระด้านท้าย แบบดึงกลับ-เลื่อนเปิดขึ้นอัตโนมัติ และระบบ quickfold ซึ่งปรับที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังออกเป็น 1/3 : 2/3 ตอนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เบาะกลางสามารถพับแยกหรือพับพร้อมกับเบาะตัวอื่นไปด้านหน้า ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีพื้นที่เก็บบรรทุกสัมภาระด้านหลังที่มีความจุถึง 450-1,470 ลิตร สามารถรองรับทุกอุปกรณ์กีฬาและอุปกรณ์ทำงานคู่ใจ ซึ่งตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ขับได้เป็นอย่างดี
• C 300 BlueTEC HYBRID Estate AMG Dynamic ราคา 3,390,000 บาท
The new generation CLS
: ล้ำด้วยดีไซน์ เจิดจรัสอย่างมีชีวิตชีวา
The new generation CLS ยนตรกรรมหรูในกลุ่ม Dream Car ซึ่งประกอบด้วย CLS Coupé รถยนต์สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู และ CLS Shooting Brake รถยนต์สปอร์ตแบบ 5 ที่นั่ง อันเกิดจากการผสมผสานระหว่างรถยนต์ Coupé และ Estate อย่างลงตัว โดยทั้งสองรุ่น โดดเด่นด้วยการดีไซน์ภายนอกให้มีความสปอร์ต เร้าใจ และล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยเส้นสายลวดลายงดงามสไตล์คูเป้อันเป็นเอกลักษณ์, ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่ทำหน้าที่ควบคุมหลอดไฟแบบ LED จำนวน 24 หลอดต่อไฟ 1 ข้าง ให้ปรับระดับความสว่างอย่างเป็นอิสระจากกัน โดยใช้กล้องอินฟาเรดตรวจจับความเคลื่อนไหวและคำนวณระดับความสว่างอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและการจราจร, กระจังหน้าแบบ Diamond grille รวมถึงกันชนหน้าพร้อมช่องดักลมขนาดใหญ่ และไฟท้ายรมดำเล็กน้อยที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานหลายระดับ ตลอดจนกระโปรงหน้าที่ยาว บานหน้าต่างแคบเรียว กระจกหน้าต่างข้างแบบไร้กรอบและหลังคาที่ลาดต่ำลงซึ่งให้บุคลิกที่ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยวกว่าเดิม สำหรับดีไซน์ภายในได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยมาพร้อมกับความพิเศษเฉพาะตัว และพื้นที่ภายในรถยนต์ที่กว้างขวาง รวมถึงประโยชน์การใช้สอยที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น จอแสดงผลใหม่ในชุดควบคุมระบบมัลติมีเดียขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง, พวงมาลัยแบบสามก้านที่ได้รับการออกแบบใหม่, แผงควบคุมหลักที่คอนโซลกลางที่มีปุ่มควบคุมถึง 4 ปุ่ม เป็นต้น
• CLS 250 CDI Exclusive ราคา 4,490,000 บาท
• CLS 250 CDI AMG Premium ราคา 4,990,000 บาท
• CLS 250 CDI Shooting Brake AMG Premium ราคา 5,090,000 บาท