ฮอนด้า จัดกิจกรรมแข่งขันขับประหยัดน้ำมัน Honda Hybrid Fuel Challenge ในเส้นทางกรุงเทพฯ – แม่ฮ่องสอน เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของรถยนต์ฮอนด้าไฮบริด  2 รุ่น ได้แก่ ฮอนด้า แจ๊ส ไฮบริด และฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด การเดินทางต้องผ่านสภาพเส้นทางที่คดเคี้ยวและลาดชันกว่า 3,000 โค้ง การเดินทางทั้งหมดมีระยะทางประมาณ 900 กิโลเมตร ที่สำคัญคือ ต้องเดินทางโดยใช้น้ำมันเพียงถังเดียว





สำหรับการแข่งขันขับประหยัดน้ำมัน Honda Hybrid Fuel Challenge ครั้งนี้ใช้รถทั้งหมด 10 คัน แบ่งเป็น 2 รุ่นด้วยกัน คือ รุ่นฮอนด้า แจ๊ส ไฮบริด 5 คัน และฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด 5 คัน โดยแต่ละคันจะมีจะมีผู้ขับขี่รวมผู้โดยสารรวม 3 คน ในวันแรกจะเน้นการวัดอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งทีมงานจัดการแข่งขันบอกว่าในวันแรกต้องถึงจุดหมายโดยใช้น้ำมันไม่ถึงครึ่งถัง เพื่อที่จะใช้เดินทางต่อในวันที่สองที่จะเน้นการขับขี่ให้ถึง จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยน้ำมันที่เหลือในถัง เรียกว่าวันที่สองดูเหมือนจะไม่เน้นขับประหยัดแต่ถ้าเท้าหนักน้ำมันหมดก่อนถึงที่หมายแน่นอน







เส้นทางที่ใช้แข่งขันในวันแรกจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ผลัดเปลี่ยนกันขับ โดยเริ่มกิจกรรมครั้งนี้ที่ศูนย์ฝึกอบรมฮอนด้า บางชัน  หลังจากรับฟังกติกาและเส้นทางในการแข่งขันเรียบร้อยก็พร้อมจับฉลากเลือกรุ่นรถที่ใช้ในการแข่งขัน โดยทีมงาน Auto-Thailand จับได้กลุ่มฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด เตรียมตัวเรียบร้อยก็เริ่มออกเดินทาง

ช่วงที่ 1 City Stage เริ่มสตาร์ทจากศูนย์ฝึกอบรมฮอนด้าฯ บางชัน มุ่งหน้าสู่จุดเช็คเวลาที่ปั๊มปตท.ไชโย จ.อ่างทอง ระยะทาง 114 กิโลเมตร ภายในเวลา 2 ชั่วโมง







สำหรับการขับขี่ในช่วงนี้เริ่มต้นเลี้ยวออกมาจากศูนย์ฝึกอบรมฮอนด้าฯ บางชัน ก็ต้องพบกับการจราจรที่ติดขัดในเวลาเร่งด่วนพอดี เรียกว่าช่วงนี้ต้องใช้ความใจเย็นในการขับขี่ คอยๆออกตัวพยายามเหยียบคันเร่งแบบเนียนที่สุด หลังจากหลุดช่วงรถติดมาได้ขึ้นทางด่วน ก็ต้องรีบคำนวณความเร็วกับระยะทางเพื่อเดินทางไปยังจุดเช็คเวลาที่ปั๊มปตท.ไชโย จ.อ่างทอง ให้ทันเนื่องจากเราเสียเวลาในช่วงที่รถติดอยู่พอสมควร การเดินทางในช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เราแค่พยายามเร่งความเร็วขึ้นไปยังความเร็วคงที่ที่คำนวณกันไว้ แล้วขับให้นิ่งที่สุด และบางครั้งก็ใช้ตัวช่วยจากการทำงานของระบบไฮบริด แต่ก็ไม่ได้ใช้ได้บ่อยนัก เพราะต้องอยู่กับช่วงความเร็วที่ใช้ด้วยระบบไฮบริดถึงจะทำงาน  ในที่สุดทีมเราก็ถึงจุดเช็คเวลาด้วยอัตราความสิ้นเปลืองได้ที่ 28.4 กิโลเมตร/ลิตร และใช้เวลาภายในกำหนด 2 ชั่วโมง

ช่วงที่ 2 High Way Stage เส้นทาง อ่างทอง-นครสวรรค์ ระยะทาง 144 กิโลเมตร ภายในเวลา 2 ชั่วโมง

ในการเดินทางในช่วงนี้จะเป็นเส้นทางเรียบตรง แต่ก็ต้องวิ่งผ่านทางแยกและชุมชนอยู่เหมือนกัน ซึ่งช่วงนี้เองเป็นช่วงการขับขี่ที่แต่ละทีมหมายมั่นปั่นมือว่าจะต้องทำตัวเลขให้ได้ดีที่สุด เช่นเคยกับการขับขี่ในช่วงนี้ก็ผลัดเปลี่ยนคนขับ โดยการขับขี่ก็ยังใช้วิธีการเดิม ค่อยๆทำความเร็วและวิ่งด้วยความเร็วคงที่เท่าที่ทำได้ ระหว่างทางทีมเราก็คำนวณเวลา รวมถึงความเร็วที่จะใช้ในการเดินทางไปยังจุดเช็คเวลาที่ร้านอาหารนัดโภชนา จ.นครสวรรค์  และเป็นจุดแวะพักรับประทานอาหารเที่ยงด้วย  ซึ่งทีมเราถึงจุดเช็คเวลาด้วยอัตราความสิ้นเปลืองได้ที่ 28 กิโลเมตร/ลิตร แต่เวลาเกินมา 1 นาที จึงถูกตัดอัตราความสิ้นเปลือง 0.2 กิโลเมตร/ลิตร เหลืออัตราความสิ้นเปลืองได้ที่ 27.8 กิโลเมตร/ลิตร
 






ช่วงที่ 3 High Way Stage เส้นทาง จ.นครสวรรค์ – ร้านกาแฟสุธาโภชนา จ.ตาก ระยะทาง 156 กิโลเมตร ภายในเวลา 2.30  ชั่วโมง

หลังจากเรามีบทเรียนในช่วงที่ 2 ที่ใช้เวลามากกว่าที่กำหนดจึงต้องมาคำนวณกันใหม่ โดยเส้นทางในช่วงนี้ก็ยังเหมือนกับช่วงที่ 2 แต่จะต้องผ่านกับช่วงที่กำลังก่อสร้างปรับปรุงเส้นทาง แต่ถือว่าเรามาจังหวะดี ช่วงที่ทีมเราขับไปถึงจุดดังกล่าวรถค่อนข้างน้อย เลยไม่มีปัญหา ซึ่งทีมเราถึงจุดเช็คเวลาด้วยอัตราความสิ้นเปลืองได้ที่ 27.4 กิโลเมตร/ลิตร  ก่อนเวลาเล็กน้อย

ช่วงที่ 4 Mountain Stage เส้นทาง ตาก-แม่สอด ระยะทาง 82 กิโลเมตร ภายในเวลา 2 ชั่วโมง

สำหรับการเดินทางในช่วงนี้ก็เริ่มเจอกับเส้นทางที่มีความคดเคี้ยวบวกกับความลาดชัน  ตอนแรกทีมเราก็วางแผนกันไว้อย่างดี แต่เมื่อเจอกับเส้นทางจริงเรียกว่าแทบจะวิ่งกันอยู่บนเขาตลอด ขึ้นๆ ลงๆ ไม่สามารถใช้ความเร็วคงที่แบบในทางเรียบได้เลย  จึงพยายามขับขี่ประคองไม่ให้อัตราความสิ้นเปลืองตกไปมาก แล้วค่อยกลับไปตีคืนตอนช่วงลงจากเขาซึ่งจะพอมีเส้นทางราบให้พอทำตัวเลขให้ดีขึ้นได้ ก่อนเข้าพักที่โรงแรม อิม บูติค อ.แม่สอด จ.ตาก จบการขับขี่วัดอัตราความสิ้นเปลืองได้ที่ 19.2 กิโลเมตร/ลิตร

ในวันแรกนี้ทีมเราถือว่าตัวเลขที่เราทำได้ถึงจะไม่มาก แต่ด้วยการขับขี่และความเร็วที่เราใช้เรียกว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับการใช้งานจริงเลยก็ว่าได้ ตัวเลขที่ออกมาเฉลี่ยตลอดการเดินทางวันแรกของทีมเราอยู่ที่ 25.7 กิโลเมตร/ลิตร ก็พอใจในระดับหนึ่ง  ในขณะที่ทีมชนะสามารถทำอัตราความสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้ที่ 27.2 กิโลเมตร/ลิตร








เริ่มออกเดินทางกันในวันที่สองกับภารกิจ Honda Hybrid Fuel Challenge ที่ต้องเดินทางให้ถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วยน้ำมันที่เหลืออยู่ ซึ่งจากคำบอกเล่าของทีมงาน ช่วงการเดินทางในวันนี้ เรียกว่าเส้นทางที่ใช้จะวิ่งกันอยู่บนเขาที่มีสภาพคดเคี้ยวแถมลาดชัน ซึ่งก็ถือเป็นบททดสอบสมรรถนะและการขับขี่ไปในตัว โดยในวันนี้เป็นวันที่ไม่ได้เน้นในอัตราความสิ้นเปลืองเหมือนวันแรก แต่ในความเป็นจริงกับน้ำมันที่เหลืออยู่ ถ้าขับขี่กันแบบไม่มีเทคนิคก็อาจจะไปไม่ถึงจุดหมายก็ได้

วันนี้ผู้ร่วมแข่งขันทุกคนต้องเตรียมตัวออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า เพื่อออกเดินทางในช่วงแรกของวัน

ช่วงที่ 1 โรงแรม อิม บูติค-อุทยานแห่งชาติแม่เมย จังหวัดตาก ระยะทาง 115 กิโลเมตร ภายในเวลา 2 ชั่วโมง

เริ่มออกเดินทางพวกเราเริ่มที่จะคุ้นชินและจับการทำงานของระบบไฮบริดของฮอนด้า ซีวิค ได้ดีกว่าวันแรก เท่าที่คำนวณระยะทางกับเวลาที่ให้มา ทำให้นึกถึงคำบอกเล่าที่ได้ไปเรียบๆเคียงๆถามเส้นทางมาเพื่อเตรียมตัว พวกเราสรุปว่าเส้นทางต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะแถบนี้มีแต่ภูเขาและทางคดเคี้ยว  จึงวางแผนใช้วิธีที่จะพยายามใช้ความเร็วให้คงที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ และความเร็วที่ใช้ก็ต้องไม่ช้าเกินไป เนื่องจากเส้นทางที่โค้งบวกกับมีความลาดชันด้วย และที่สำคัญคือแทบไม่มีทางตรงๆยาวๆเลย ทำให้เราต้องใช้แรงส่งตัวรถ เรียกว่าจากโค้งนี้ไปโค้งโน้น จากเนินนี้ไปเนินโน้น (คือไม่เน้นขับช้า เพราะว่าที่ผ่านมาได้ลองใช้วิธีค่อยๆเลี้ยงความเร็ว พอเจอทางชันหน่อย แรงเริ่มตกก็ต้องเติมคันเร่งมากกว่าปรกติ กลายเป็นว่าทำให้สิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นมาอีก) ในที่สุดเราก็ผ่านมาได้ ทันเวลาแบบสบายๆ






ช่วงที่ 2 อุทยานแห่งชาติ แม่เมย - อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระยะทาง 117 กิโลเมตร ภายในเวลา 3 ชั่วโมง

หลังแวะพักเปลี่ยนผู้ขับขี่เรียบร้อย จึงเริ่มออกเดินทาง เรียกว่าเมื่อเราดูระยะทางกับเวลาที่ให้มา ก็ไม่ต้องสงสัยถึงความโหดของเส้นทางเลย  และก็เป็นเช่นนั้น โดยเส้นทางช่วงนี้อยากบอกว่าเป็นช่วงที่ต้องเจอแต่สภาพพื้นผิวถนนที่ไม่อยากเรียกว่าถนนเลย มีทั้งหลุมใหญ่น้อยให้ต้องหลบ พ้นบางไม่พ้นบาง ถือว่าเป็นการทดสอบช่วงล่างของฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด ไปในตัว กว่าจะเอาตัวรอดหลุดออกมาจากสภาพเส้นทางนี้ได้เล่นเอาเกือบไม่ทันเวลา แต่ในสภาพพื้นผิวทางที่ไม่ดี  ข้างทางกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก เรียกว่าหาดูได้ตลอดเส้นทางเลยทีเดียว และที่จุดแวะนี้ก็เป็นที่รับประทานอาหารเที่ยงอีกด้วย ได้เวลาจึงออกเดินทางกันต่อ

ช่วงที่ 3 อำเภอแม่สะเรียง - อนุสรณ์สถาน มิตรภาพ ไทย- ญี่ปุ่น อำเภอขุนยวม ระยะทาง 97 กิโลเมตร ภายในเวลา 2 ชั่วโมง

สำหรับเส้นทางในช่วงนี้ดีกว่าช่วงที่ผ่านมา เป็นทางลาดยาง แต่ยังคงมีความคดเคี้ยวและลาดชัน เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางบนเขา การขับขี่ของเราก็คงใช้วิธีเดิม แต่จากการลองคำนวณดูปริมาณน้ำมันในถังทีเหลือคิดว่ายังไงก็ไปถึงจุดหมายปลายทางแน่ ทำให้เราขับขี่ได้สบายมากขึ้น แถมได้ใช้เวลากับการชื่นชมธรรมชาติริมทางที่ให้ความสดชื่นสบายตา โดยจุดหมายในช่วงนี้จะอยู่ที่อนุสรณ์สถาน มิตรภาพ ไทย- ญี่ปุ่น เพื่อพักดื่มกาแฟ ยืดเส้นยืดสายกันนิดหน่อย เพื่อเดินทางกันต่อ









ช่วงที่ 4 อนุสรณ์สถาน มิตรภาพ ไทย – ญี่ปุ่น อำเภอขุนยวม - ปั๊มปตท. แม่ฮ่องสอน ระยะทาง 66 กิโลเมตร ภายในเวลา 2 ชั่วโมง

ซึ่งเป็นช่วงสุดท้าย และคือจุดหมายของการเดินทางของเรา คือจังหวัดแม่ฮ่องสอน  เรียกว่าการเดินทางของเราในช่วงนี้ก็ไปกันแบบสบายๆ โดยเส้นทางก็ยังคงเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา สักพักเราก็เดินทางถึงปั๊มปตท. จังหวัดแม่ฮ่องสอน

หลังจากเช็คเวลาเรียบร้อยก็นำรถมาเติมน้ำมันเพื่อเช็คอัตราการสิ้นเปลือง  โดยฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด คันที่เราขับขี่มาจากกรุงเทพฯ เติมน้ำมันกลับเข้าไป 33.69 ลิตร ได้ระยะทางรวม 880.7 กิโลเมตร อัตราความสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากหน้าจอ i-MID อยู่ที่ 23.2 กิโลเมตร/ลิตร เป็นอันจบภารกิจ Honda Hybrid Fuel Challenge ครั้งนี้อย่างสมบูรณ์











ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้ สำหรับการขับขี่แข่งขัน Honda Hybrid Fuel Challenge ในครั้งนี้ อยากจะบอกว่ารูปแบบที่เราใช้ในการขับขี่แทบไม่ต่างจากการใช้งานจริงเลย โดยเฉพาะเรื่องความเร็วที่ใช้ในการเดินทางที่เฉลี่ยแล้วก็จะอยู่ประมาณ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าคงไม่ช้าเกินไปการการเดินทางกับเส้นทางเช่นนี้ บวกกับกติกาในการวิ่งให้อยู่ในเวลาที่กำหนดไว้  เรียกว่าถ้าใครเคยได้ใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางก็จะพอทราบทันทีว่าการขับขี่แบบนี้เป็นเช่นไร สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ทำให้ได้สัมผัสและใช้งานกับระบบไฮบริดของรถยนต์ฮอนด้าที่เรียกว่ามาช่วยเรื่องการเสริมพละกำลังให้กับเครื่องยนต์โดยเฉพาะช่วงการเร่งแซง ทั้งยังช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมันไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว และที่สำคัญกับการขับขี่ใช้งานรถยนต์ไฮบริด แค่เราเข้าใจการทำงานของระบบไฮบริด ตัวเลขแบบนี้...คุณก็ทำได้จริงครับ