เมื่อจะพูดถึงรถยนต์ในกลุ่มไฮบริดในบ้านเรา ส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงรถยนต์ไฮบริดจากค่ายญี่ปุ่นกันเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับรถยนต์ไฮบริดคันที่จะพูดถึงคันนี้เป็นรถที่มาจากฝั่งยุโรป โดยเมื่อเร็วๆนี้  ทีมงาน Auto-Thailand ได้มีโอกาสนำ BMW ActiveHybrid 3 สีน้ำเงิน พร้อมชุดแต่ง M Sport มาทำการทดสอบ อยากบอกว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ทั้งแรงและน่าใช้คันหนึ่งเลยทีเดียว  ติดตามกันเลยครับ





BMW ActiveHybrid 3 คันนี้มาพร้อมกับราคาค่าตัวกว่า 4.399 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีราคาสูงกว่า  F30 ซีดานทั่วไปในรุ่น Top อยู่พอสมควร แต่ในราคาที่เพิ่มขึ้นมาของ  BMW ActiveHybrid 3 นั้นก็มาพร้อมกับสมรรถนะความแรงในระดับ 340 แรงม้า ที่ทางโรงงานเคลมความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชม.ไว้ที่ 5.3 วินาที ซึ่งเวลาระดับนี้สามารถเทียบชั้นได้กับพวกเครื่องยนต์ตระกูล M ได้เลยทีเดียว

เมื่อมองดูรูปโฉมจากภายนอกของ BMW ActiveHybrid 3 โครงสร้างหลักก็คือ  โฉม F30 ซีดาน ที่เราเห็นกันอยู่ แต่ด้วยตัวถังสีน้ำเงินที่แรกเห็นก็สร้างความสะดุดตา บวกกับชุดแต่ง M Sport รอบคันที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นชวนมองขึ้นไปอีก  ด้านท้ายเพิ่มความสปอร์ตดุดันด้วยท่อไอเสีย 2 ข้างซ้าย-ขวา เรียกว่าจุดสังเกตที่พอจะบอกว่ารถคันนี้ไม่ใช่ F30 ซีดานธรรมดานะ ก็คือ โลโก้ ActiveHybrid 3 ที่ติดอยู่บริเวณเสา C ทั้งซ้าย-ขวา และที่ฝากระโปร่งท้าย








เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารที่โดยรวมแล้วก็ยังคงรูปแบบเลย์เอาส์ในแบบ F30 ซีดาน แต่จะแตกต่างกันในรายละเอียด อาทิ เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ต หุ้มหนังแท้สีโทนดำ ปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ ส่วนที่คอนโซลหน้าจะมีแถบคาดสีฟ้าบ่งบอกความเป็นไฮบริด พวงมาลัยหุ้มหนังแท้มัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน แบบ M Sport พร้อมปุ่ม Paddle Shift  ไว้ปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย  ส่วนที่มาตราวัดและหน้าจอแสดงผล Freestand ก็จะมีฟังก์ชั่นแสดงข้อมูลการทำงานของระบบไฮบริดเพิ่มขึ้น เรียกว่าฟังก์ชั่นลูกเล่นต่างๆมีมาให้ครบครัน

ในส่วนบริเวณคันเกียร์ก็จะมีโลโก้ ActiveHybrid 3 แสดงตัวตนว่าเป็นไฮบริด และข้างๆกันจะเป็นปุ่มปรับเลือกโหมดการขับขี่ ซึ่งใน BMW ActiveHybrid 3 จะมีมาให้ทั้งโหมด ECO PRO เน้นการขับขี่แบบประหยัด  โหมด Comfort เน้นการขับขี่แบบทั่วไป  โหมด Sport เน้นการตอบสนองที่ไวและสามารถลากรอบได้มากกว่า และโหมด Sport + จะปิดการทำงานของระบบ Traction Control  เรียกว่าโหมดนี้เน้นไว้สำหรับเวลาต้องการความแรงแบบดิบๆ ซึ่งขอเน้นว่าผู้ขับขี่ควรต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น











มากันที่ห้องโดยสารด้านหลังก็ยังให้ความกว้างขวางในแบบรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังที่จะต้องเสียพื้นที่ในการวางระบบขับเคลื่อนไปบ้าง แต่รวมๆก็ถือว่ายังให้ความสะดวกสบายดี และในรุ่นนี้เบาะหลังไม่สามารถพับได้เหมือน F30 ซีดานธรรมดา โดยบริเวณล้อหลังทั้งสองข้างในห้องเก็บสัมภาระหลังนี้ก็จะเป็นที่ติดตั้งแบตเตอรี่ Li-ion ที่ไว้เป็นแหล่งพลังงานในระบบไฮบริดอีกด้วย

ระบบกันสะเทือนของ  BMW ActiveHybrid 3 ด้านหน้าเป็น  แม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมสปริงแบบ Aluminium double-joint  สำหรับด้านหลังเป็นแบบ  Multi-link  5-Link ที่มีพื้นฐานเดียวกันกับ F30 ซีดานทั่วไป

BMW ActiveHybrid 3 มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์  BMW Twin Power Turbo  6 สูบเรียง  ความจุ  2,979 ซีซี. พร้อมระบบ Valvetronic   ให้กำลังสูงสุด 306 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ แรงบิดสูงสุด  400 นิวตันเมตร ที่ 1,200-5,000 รอบ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังรวมสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด  450 นิวตันเมตร ซึ่งพละกำลังขนาดนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับรถยนต์หนึ่งคัน  โดยพละกำลังทั้งหมดนี้ถูกส่งผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ  8 สปีด จาก ZF







สำหรับหลักการทำงานของระบบไฮบริดของ BMW ActiveHybrid 3 นี้เรียกว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ใช้งานง่าย และสามารถใช้พลังงานขับเคลื่อนจากมอเตอร์ได้ 100% โดยแค่ขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ไม่เกิน 60-70 กิโลเมตร/ชม. เครื่องยนต์ก็จะตัดการทำงานมาขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ ซึ่งขึ้นอยู่กับไฟฟ้าในแบตเตอรี่ที่เก็บไว้ด้วย จะสังเกตได้จากหน้าปัดแสดงปริมาณไฟฟ้าที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ที่จะต้องมีประมาณ 2 ขีดมอเตอร์ระบบไฮบริดถึงจะทำงาน แต่ถ้าไฟในแบตเตอรี่ลดลงเหลือต่ำกว่า 2 ขีด เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาทำงานตามปรกติ และสำหรับช่วงที่เราคลิกดาว์น หรือออกตัวโดยเหยียบคันเร่งแบบเต็มที่ ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าก็จะช่วยกันส่งพละกำลังออกมาขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วทันใจแบบหลังติดเบาะเลยก็ว่าได้

ในช่วงการขับขี่ทดสอบได้ลองทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชม. ทีมงาน Auto-Thailand สามารถทำได้อยู่แถว 5.8 วินาที ซึ่งก็ถือว่าเป็นเวลาที่ดีมากแล้วสำหรับรถบ้านคันหนึ่ง และตลอดการขับขี่ทดสอบก็ได้ลองใช้โหมดการขับขี่ที่มีมาให้ใช้งานกันทุกโหมด เรียกว่าถ้าเราใช้งานกันแบบทั่วไปในเมืองโหมด ECO PRO ก็สามารถให้อัตราเร่งได้แบบพอใช้แล้ว  ส่วนในยามที่ต้องการความสนุกในการขับขี่ก็เปลี่ยนไปใช้โหมด Sport หรือ Sport+ ที่สามารถเรียกพละกำลังออกมาได้แบบทันอกทันใจ จนบางครั้งให้ความรู้สึกว่าจะแรงเกินการควบคุมในช่วงการขับขี่ในโหมด Sport+ ที่จะตัดการทำงานของระบบ Traction Control  ตรงนี้ขอย้ำว่าการขับขี่ในโหมด Sport+ ควรจะใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เพิ่มมาขึ้น โดยความเร็วสูงสุดที่ทำได้ในเส้นทางที่ปลอดภัยอยู่ที่ประมาณ 220 กิโลเมตร/ชม. ซึ่งจริงยังไปต่อได้อีก แต่สภาพเส้นทางไม่อำนวย










ความรู้สึกในช่วงการขับขี่เรียกว่าช่วงแรกที่ทีมงาน Auto-Thailand ได้ขับขี่ทดสอบก็ถือว่าให้การขับขี่ได้อย่างน่าพอใจ  การบังคับควบคุมตัวรถ รวมถึงน้ำหนักและความแม่นยำของพวงมาลัยถือว่าดีเลยทีเดียว การส่งกำลังก็ทำได้อย่างราบรื่นทุกรอบความเร็ว ห้องโดยสารสามารถเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นเสียงลมปะทะ เสียงสภาพแวดล้อมต่างได้ดี ถือเป็นรถคันหนึ่งที่ขับขี่ทางไกลแล้วรู้สึกว่าไม่เหนื่อย

แต่พอเริ่มคุ้นชินทำให้เราเริ่มขับขี่ใช้ความเร็วเพิ่มมากขึ้น และสนุกกับการขับขี่ จนทำให้บางครั้งรู้สึกว่าระบบช่วงล่างที่ให้มาเริ่มที่จะไม่รองรับกับการขับขี่ของเราแล้ว ทำให้คิดถึงข้อสงสัยส่วนตัวที่เคยคิดว่าทำไมรถที่ราคาแพงและมีสมรรถนะที่ดีอยู่แล้วถึงยังมีชุดแต่งออกมาให้เราได้ปรับเพิ่มสมรรถนะกันอีก ขอบอกตรงนี้คือ ถ้าเป็นคนที่ขับขี่ด้วยความเร็ว แนะนำให้หาชุดแต่งเพิ่มอีกนิด รับรองคุณจะได้รถบ้านซีดานที่มีพละกำลังแบบซูเปอร์คาร์ย่อมๆ  แต่ถ้าเป็นคนที่ขับขี่แบบปรกติทั่วไป รับรองว่าสมรรถนะที่ BMW Active Hybrid 3 มีมาให้เดิมๆเหลือเฟือแล้วครับ








สำหรับอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ BMW ActiveHybrid 3 ที่ทำได้อยู่ประมาณ 15-16 กิโลเมตร/ลิตร โดยความเร็ว 80 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องประมาณ 1,200 รอบ ความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องประมาณ 1,550 รอบ ความเร็ว 120 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องประมาณ 1,800 รอบ เรียกว่าถ้าดูจากรอบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังมาในรอบที่ไม่สูงทำให้มีอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่ารถในพิกัดเดียวกัน บวกกับมีระบบไฮบริดเข้ามาช่วยด้วย เรียกว่าได้ทั้งพละกำลัง อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ ที่สำคัญยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ทีมงาน Auto-Thailand ขอสรุปแบบนี้  BMW ActiveHybrid 3 มาพร้อมความสปอร์ตกับชุดแต่ง M Sport  พละกำลังเหลือเฟือที่ระดับ 340 แรงม้า สมรรถนะการขับขี่ที่อยากบอกว่าน้องๆซูเปอร์คาร์กันเลยทีเดียว  แต่ที่แน่ๆก็ต้องจ่ายค่าตัวเพิ่มขึ้นอีกล้านนิดๆจากรุ่นธรรมดา รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ กับ BMW ActiveHybrid 3 คันนี้