บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด นำคณะสื่อมวลชนจากสื่อต่างๆ รวม 24 คน ร่วมเดินทางไปถวายเทียนพรรษากับฮอนด้า แจ๊ซ พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองกรุงเก่าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยมีมัคคุเทศก์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นผู้นำเที่ยวพร้อมบรรยายประวัติความเป็นมาของวัดแต่ละแห่ง โดยคณะเดินทางด้วยรถยนต์ ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ ซึ่งสื่อมวลชนยังได้มีโอกาสทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ ฮอนด้า แจ๊ซ ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ผสานเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม พร้อมระบบช่วยขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน Eco Assist และรองรับพลังงานทางเลือก E85 ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย และรองรับการใช้งานที่หลากหลายด้วยเบาะนั่งปรับพับได้แบบอัลตร้า ซีท และยังครบครันด้วยมัลติฟังก์ชั่นอันล้ำสมัย เทคโนโลยีอัจฉริยะ และมาตรฐานความปลอดภัยครบครัน เริ่มออกเดินทางจาก The Walk ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย รามอินทรา ไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางแห่งแรก ณ วัดแม่นางปลื้ม ตำบลหัวรอ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ต่อมาสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้บูรณะวัดนี้ นับเป็นหนึ่งในวัดที่มิได้ถูกทำลายเหมือนวัดอื่นๆ ในพระนครศรีอยุธยา คณะได้เข้าสักการะหลวงพ่อขาว แล้วจึงออกเดินทางต่อไปยังวัดที่ 2 วัดสามวิหาร เดิมนั้นมี 3 วิหาร คือ วิหารพระนอน วิหารพระนั่ง และวิหารพระยืน ปัจจุบันเหลืออยู่ 2 วิหาร คือ วิหารพระนอนและวิหารพระนั่งเท่านั้น ส่วนวิหารพระยืนได้ปรักหักพังไปตามกาลเวลา คณะได้ถวายเทียนพรรษาและชุดสังฆทานร่วมกัน ก่อนพักรับประทานอาหารกลางวัน ในช่วงบ่าย คณะยังเดินทางต่อไปยัง วัดพรหมนิวาสวรวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดที่รัชกาลที่ 4 เคยประทับอยู่ที่วัดนี้ครั้นเมื่อทรงผนวช และได้มีการปฏิสงขรณ์วัดในช่วงขณะนั้นคณะสื่อมวลชนได้ถวายเทียนพรรษาและชุดสังฆทานร่วมกัน และเดินทางต่อเพื่อไปสักการะอนุสาวรีย์พระนเรศวรทรงม้า ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ที่อยู่ในลักษณะสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงม้าศึก ประดิษฐานบนแท่นและลานหินสีขาว พระบรมราชานุสาวรีย์มีพื้นที่ทั้งหมด 1,075 ไร่ ประกอบด้วยสระเก็บน้ำ พื้นที่จัดกิจกรรม มีภูมิทัศน์บริเวณรอบอนุสาวรีย์สวยงาม สวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชน พื้นที่รับน้ำทำการเกษตร พร้อมถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก และเดินทางไป วัดตูม เป็นที่สุดท้าย ซึ่งเป็นวัดที่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์เรื่อยมา และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงในรัชกาลที่ 4 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญภายในวัดตูม คือ หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปสำริดทรงเครื่องปางมารวิชัย โดยมีลักษณะพิเศา คือ บนพระเศียรขององค์พระสามารถเปิดออกและมีน้ำไหลซึมออกมาตลอดเวลา เชื่อกันว่าเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนต่างสนุกสนาน อิ่มบุญ อิ่มใจ ที่ได้ไหว้พระถวายเทียนพรรษาร่วมกัน และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึง 5 แห่ง ก่อนเดินทางกลับถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ